xs
xsm
sm
md
lg

ดึง “วัด-ชุมชน-ร.ร.” ให้กำลังใจช่วยลดเหล้าครบพรรษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สสส. จับมือ กทม.- วัด - ชุมชน - โรงเรียน เปิดตัวแคมเปญ “ชวน ช่วย ให้กำลังใจ คนไทยงดเหล้าครบพรรษา” ปลุกพลังทำดีร่วมปฏิญาณตน สร้างจิตสำนึกงดบาป รับบุญ ช่วยลดยอดนักดื่ม - ลดปัญหาสังคม - อุบัติเหตุ ขณะที่เซียนเหล้าขานรับ ตั้งใจใช้กฤษ์นี้ตบเท้าเข้าร่วม

วันนี้ (10 ก.ค.) ที่วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร เขตบางกอกน้อย เมื่อเวลา 10.00 น. นายพีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. และพระราชปริยัติเวที รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดสุวรรณารามฯ ประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมเป็นประธานจัดกิจกรรมรณรงค์ “ชวน ช่วย ให้กำลังใจ คนไทย งดเหล้าครบพรรษา” จากนั้น พันโท วันชนะ สวัสดี (ผู้พันเบิร์ด) ดารานักแสดง นำกล่าวปฏิญาณตน “งดเหล้าครบพรรษา” และร่วมกันเปิดป้าย “วัดเป็นเขตห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” พร้อมปล่อยขบวนจักรยาน 100 คัน ออกเชิญชวนงดเหล้าครบพรรษา

นายพีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการ “ชวน ช่วย ให้กำลังใจ คนไทย งดเหล้าครบพรรษา” เป็นความร่วมมือจาก สสส. เครือข่ายงดเหล้า วัดสุวรรณารามฯ ชุมชนเขตบางกอกน้อย เพื่อสานพลังเชิญชวนคนไทย ทั้งในครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนฝูง คนที่ทำงาน คนในชุมชน โรงเรียน ประชาชนทั่วไปให้ตั้งใจลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สร้างการรับรู้ตระหนักถึงผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะมีการดำเนินกิจกรรมแบบนี้ทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานคร โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารทุกระดับให้การสนับสนุน และความร่วมมือในการทำงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับแกนนำเครือข่ายชุมชนทั้ง 50 เขต เครือข่ายงดเหล้า และ สสส. มาโดยตลอด

นายพีระพงษ์ กล่าวว่า ปีนี้กรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมร่วมกันจัดทำแผนยุทธศาสตร์ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานคร ปี 2557 - 2559 ซึ่งกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษาได้บรรจุไว้ในแผนด้วย เนื่องจากวันที่ 11 - 12 ก.ค. 2557 เป็นวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาของพุทธทั่วโลก ประกอบกับประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552 ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันมาฆบูชา ดังนั้น เพื่อบังคับใช้กฎหมายให้เกิดผล กรุงเทพฯจึงให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการดังนี้ 1. ให้สำนักงานเขตประชาสัมพันธ์ในสื่อสังคมออนไลน์ มีหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการ ร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานบริการทุกประเภทให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ตั้งแต่เวลา 00.01 - 24.00 น. 2. ให้สำนักงานเขตประสานสถานีตำรวจกวดขันจับกุมผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์บนเส้นทางที่เหมาะสม หากตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขอให้พิจารณาสอบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป และขอความร่วมมือในการร่วมออกตรวจสถานประกอบการกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายของสำนักงานเขต 3. ให้สำนักอนามัยประสานสำนักเทศกิจ และสำนักงานเขต เพื่อร่วมออกตรวจสถานประกอบการฯ กับเจ้าพนักงานตำรวจ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายของสำนักเทศกิจและสำนักงานเขต ในพื้นที่เขต แล้วรายงานผลการดำเนินการ นอกจากนี้ กรุงเทพฯได้เปิดให้บริการบำบัดรักษาแก่ผู้มีความประสงค์จะเลิกเหล้า ที่โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพฯ 9 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข 68 แห่ง

ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่หน่วยงานต่างๆให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่นเดียวกับ สสส. เครือข่ายงดเหล้าทั่วประเทศ ได้รณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา มาตั้งแต่ปี 2546 และต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 จากการสำรวจผลการดำเนินงานโครงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา พบว่า ประชาชนตอบรับร่วม งดเหล้าเข้าพรรษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2546 ซึ่งเป็นปีแรกในการรณรงค์ มีผู้งดเหล้าเข้าพรรษาทั้งงดตลอดและงดบางช่วง ร้อยละ 40.4 เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 68.8 ในปี 2556 เมื่อดูรายละเอียดกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการปี 2556 พบว่าจำนวนผู้งดเหล้าครบ 3 เดือน มีครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ36.2 และผู้ที่งดเป็นบางช่วงและลดปริมาณการดื่ม มีครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ32.6 จึงเป็นที่มาที่ สสส. และภาคีเครือข่ายตั้งใจเชิญชวนให้งดเหล้าได้จนครบพรรษา

“จากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า หากผู้ติดสุรางดดื่มได้ต่อเนื่อง 6 เดือน มีโอกาสสูงที่จะเลิกเหล้าได้ตลอดชีวิต ส่งผลดีกับสุขภาพ ครอบครัว สังคม ดังนั้นจึงอยากชวนคนไทยเริ่มต้นเลิกเหล้าช่วงเข้าพรรษาให้ครบ 3 เดือนเพื่อนำไปสู่เลิกเหล้าระยะยาว สำหรับการรณรงค์ขับเคลื่อนในชุมชนเพื่อผลักดันกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษา ตั้งเป้าไว้จังหวัดละ 5 ชุมชน รวม 370 ชุมชนทั่วประเทศ และในเขตบางกอกน้อยมีผู้สมัครใจเข้าร่วมแล้ว 60 ราย” ดร.นพ.บัณฑิต กล่าว

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น