อึ้ง! พบผู้ป่วยทางจิตจากการซดเหล้าถึง 4.7 พันราย ในปี 2556 คาดมีแนวโน้มผู้ติดเหล้าต้องส่งมารักษาอีกมาก กรมจิตห่วงไม่รักษาเสี่ยงก่ออาชญากรรม ทำร้าย หรือฆ่าผู้อื่น ชวนเข้าพรรษางดดื่มแนะสังเกต 7 อาหารคนใกล้ชิดติดเหล้า
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ข้อมูลจาก รพ.สวนปรุง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคจิตเวชที่มีปัญหาจากการดื่มสุรา พบว่า ในปี 2556 มีผู้ป่วยทางจิตจากการดื่มสุราเข้ารับการรักษาถึง 4,784 ราย และคาดว่ายังมีผู้มีแนวโน้มติดสุราจนต้องส่งมารักษาอีกเป็นจำนวนมาก หากไม่เข้ารับการรักษาและปล่อยให้อาการรุนแรงจะเป็นเหตุให้ก่อความรุนแรง เช่น เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายตนเองและผู้อื่น ก่ออาชญากรรม ทุบตี หรือฆ่าผู้อื่นอย่างโหดร้ายได้ ดังนั้น ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาหรือวันงดดื่มสุราแห่งชาติ จึงถือเป็นโอกาสดีที่นักดื่มทุกเพศทุกวัยจะเริ่มต้นหันมางดหรือลดการดื่ม เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีและแข็งแรงของตนเองและคนในครอบครัว
ด้าน นพ.ปริทรรศ ศิลปกิจ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.สวนปรุง กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจระบาดวิทยาโรคจิตเวชของคนไทย ที่มีอายุระหว่าง 15 - 59 ปี (ปี 2551) พบมีผู้เข้าข่ายมีความผิดปกติในพฤติกรรมการดื่มสุราหรือแอลกอฮอล์ (Alcohol Use Disorders) ร้อยละ 10.9 ในจำนวนนี้จัดเป็นกลุ่มใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางที่ผิด (alcohol abuse) ร้อยละ 4.2 และเข้าข่ายมีภาวะติดสุรา (alcohol dependence) ร้อยละ 6.6 และ ร้อยละ 7.1 มีปัญหาทั้งจากการดื่มสุราและปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคอารมณ์แปรปรวน โรควิตกกังวล โรคจิตเภท ซึมเศร้าเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายและการใช้สารเสพติด เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ โดยองค์การอนามัยโลก ได้ระบุว่า หากไม่มีการดื่มแอลกอฮอล์ การเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายสำเร็จจะลดลง ระหว่าง ร้อยละ 16 - 41
“การสังเกตบุคคลในครอบครัว หรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเริ่มติดสุราหรือไม่ ให้สังเกตว่ามีอาการ 3 ใน 7 อย่าง ได้แก่ 1. ต้องเพิ่มปริมาณการดื่มมากขึ้นจึงจะได้ฤทธิ์เท่าเดิม 2. มีอาการร่างกายเมื่อไม่ได้ดื่ม 3. ควบคุมการดื่มไม่ได้ 4. มีความต้องการอยู่เสมอที่จะเลิกดื่มหรือพยายามหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ 5. หมกมุ่นกับการดื่มหรือการหาสุรา 6. มีความบกพร่องในหน้าที่การงานหรือการพักผ่อนหย่อนใจ และ 7. ยังคงดื่มอยู่ทั้งๆ ที่มีผลเสียเกิดขึ้นแล้ว ทั้งนี้ หากสังเกตพบได้เร็ว จะยิ่งช่วยผู้ติดสุราให้เข้าสู่การบำบัดรักษาได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่ติดสุราที่ต้องการหยุดหรือลดปริมาณการดื่มลง จำเป็นต้องมีการจัดการที่ถูกวิธี เพราะหากหยุดหรือลดการดื่มอย่างกะทันหัน สมองที่เคยถูกกดการทำงานจะปรับไม่ทันหรือเกิดอาการตีกลับ” รอง ผอ.รพ.สวนปรุง กล่าว
นพ.ปริทรรศ กล่าวอีกว่า อาการตีกลับจะมีอาการแสดงที่รุนแรงขึ้นเป็นระยะๆ คือ 6-12 ชม. แรก หลังหยุดดื่ม จะมีอาการมือสั่น ตัวสั่น หงุดหงิด อาเจียน ปวดศีรษะ ซึมลง หลัง 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน จะเริ่มสั่นมากขึ้น กระสับกระส่าย หัวใจเต้นแรง เหงื่อออกมาก ความดันสูง หูแว่ว ประสาทหลอน กลัว หวาดระแวง และ หลัง 48-72 ชม. หรือ 2-3 วัน อาจเกิดอาการลงแดง ชักแบบลมบ้าหมู อาเจียน ท้องเสีย มีไข้สูง หูแว่ว หรือเห็นภาพหลอนมากขึ้น มึนงง สับสน บางรายที่มีอาการรุนแรงและมา โรงพยาบาลไม่ทัน อาจเสียชีวิตได้ ดังนั้น วิธีลด ละ เลิก สุราที่ปลอดภัย คือ การขอรับบริการปรึกษาในหน่วยงานที่ให้บริการบำบัดรักษาผู้มีปัญหาการดื่มสุรา หรือสายด่วนเลิกเหล้า 1413 หรือโรงพยาบาลในสังกัดกรมสุขภาพจิตทุกแห่ง หรือ โทรศัพท์ปรึกษาเบื้องต้นได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชม.
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ข้อมูลจาก รพ.สวนปรุง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคจิตเวชที่มีปัญหาจากการดื่มสุรา พบว่า ในปี 2556 มีผู้ป่วยทางจิตจากการดื่มสุราเข้ารับการรักษาถึง 4,784 ราย และคาดว่ายังมีผู้มีแนวโน้มติดสุราจนต้องส่งมารักษาอีกเป็นจำนวนมาก หากไม่เข้ารับการรักษาและปล่อยให้อาการรุนแรงจะเป็นเหตุให้ก่อความรุนแรง เช่น เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายตนเองและผู้อื่น ก่ออาชญากรรม ทุบตี หรือฆ่าผู้อื่นอย่างโหดร้ายได้ ดังนั้น ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาหรือวันงดดื่มสุราแห่งชาติ จึงถือเป็นโอกาสดีที่นักดื่มทุกเพศทุกวัยจะเริ่มต้นหันมางดหรือลดการดื่ม เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีและแข็งแรงของตนเองและคนในครอบครัว
ด้าน นพ.ปริทรรศ ศิลปกิจ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.สวนปรุง กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจระบาดวิทยาโรคจิตเวชของคนไทย ที่มีอายุระหว่าง 15 - 59 ปี (ปี 2551) พบมีผู้เข้าข่ายมีความผิดปกติในพฤติกรรมการดื่มสุราหรือแอลกอฮอล์ (Alcohol Use Disorders) ร้อยละ 10.9 ในจำนวนนี้จัดเป็นกลุ่มใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางที่ผิด (alcohol abuse) ร้อยละ 4.2 และเข้าข่ายมีภาวะติดสุรา (alcohol dependence) ร้อยละ 6.6 และ ร้อยละ 7.1 มีปัญหาทั้งจากการดื่มสุราและปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคอารมณ์แปรปรวน โรควิตกกังวล โรคจิตเภท ซึมเศร้าเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายและการใช้สารเสพติด เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ โดยองค์การอนามัยโลก ได้ระบุว่า หากไม่มีการดื่มแอลกอฮอล์ การเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายสำเร็จจะลดลง ระหว่าง ร้อยละ 16 - 41
“การสังเกตบุคคลในครอบครัว หรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเริ่มติดสุราหรือไม่ ให้สังเกตว่ามีอาการ 3 ใน 7 อย่าง ได้แก่ 1. ต้องเพิ่มปริมาณการดื่มมากขึ้นจึงจะได้ฤทธิ์เท่าเดิม 2. มีอาการร่างกายเมื่อไม่ได้ดื่ม 3. ควบคุมการดื่มไม่ได้ 4. มีความต้องการอยู่เสมอที่จะเลิกดื่มหรือพยายามหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ 5. หมกมุ่นกับการดื่มหรือการหาสุรา 6. มีความบกพร่องในหน้าที่การงานหรือการพักผ่อนหย่อนใจ และ 7. ยังคงดื่มอยู่ทั้งๆ ที่มีผลเสียเกิดขึ้นแล้ว ทั้งนี้ หากสังเกตพบได้เร็ว จะยิ่งช่วยผู้ติดสุราให้เข้าสู่การบำบัดรักษาได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่ติดสุราที่ต้องการหยุดหรือลดปริมาณการดื่มลง จำเป็นต้องมีการจัดการที่ถูกวิธี เพราะหากหยุดหรือลดการดื่มอย่างกะทันหัน สมองที่เคยถูกกดการทำงานจะปรับไม่ทันหรือเกิดอาการตีกลับ” รอง ผอ.รพ.สวนปรุง กล่าว
นพ.ปริทรรศ กล่าวอีกว่า อาการตีกลับจะมีอาการแสดงที่รุนแรงขึ้นเป็นระยะๆ คือ 6-12 ชม. แรก หลังหยุดดื่ม จะมีอาการมือสั่น ตัวสั่น หงุดหงิด อาเจียน ปวดศีรษะ ซึมลง หลัง 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน จะเริ่มสั่นมากขึ้น กระสับกระส่าย หัวใจเต้นแรง เหงื่อออกมาก ความดันสูง หูแว่ว ประสาทหลอน กลัว หวาดระแวง และ หลัง 48-72 ชม. หรือ 2-3 วัน อาจเกิดอาการลงแดง ชักแบบลมบ้าหมู อาเจียน ท้องเสีย มีไข้สูง หูแว่ว หรือเห็นภาพหลอนมากขึ้น มึนงง สับสน บางรายที่มีอาการรุนแรงและมา โรงพยาบาลไม่ทัน อาจเสียชีวิตได้ ดังนั้น วิธีลด ละ เลิก สุราที่ปลอดภัย คือ การขอรับบริการปรึกษาในหน่วยงานที่ให้บริการบำบัดรักษาผู้มีปัญหาการดื่มสุรา หรือสายด่วนเลิกเหล้า 1413 หรือโรงพยาบาลในสังกัดกรมสุขภาพจิตทุกแห่ง หรือ โทรศัพท์ปรึกษาเบื้องต้นได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชม.
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่