เครือข่ายเอดส์หวั่น อภ. ทำยาขาดตลาด กระทบผู้ป่วย หลังไม่ส่งยาให้ สปสช. ตามกำหนด คาดสิ้นปีถูกปรับมากกว่า 100 ล้านบาท ด้าน 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพเล็งยื่น คสช.ปฏิรูปฟื้นฟู อภ. ล้างการครอบงำเด็กนักการเมือง พร้อมจี้สั่ง DSI สอบ “พิพัฒน์ - ปลัด สธ.- ผอ.อภ.” บริหารงานไร้ประสิทธิภาพ แสวงหาประโยชน์
นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีต้องรับยาต้านไวรัสเอดส์จำนวนกว่า 2 แสนรายทั่วประเทศ กำลังวิตกว่ายาต้านไวรัสที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิต และผู้ติดเชื้อต้องกินทุกวันจะขาดตลาด เพราะการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพของบอร์ด อภ. และ ผอ.อภ. ทำให้ยาจำเป็นหลายรายการ เช่น ยาเบาหวาน ขาดตลาด และล่าสุดยาต้านไวรัสเอดส์ 6 รายการ ยาวัณโรคอีก 4 รายการที่ อภ. เคยผลิตและจำหน่ายมาตลอด ทำให้ไม่สามารถผลิตหรือจัดหาส่งให้ สปสช. เพื่อกระจายให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศได้ทันตามสัญญาซื้อขายที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มูลค่าที่ขาดส่งประมาณ 326.7 ล้านบาท ทำให้ถูกปรับวันละ 6.5 แสนบาท และคาดว่าสิ้นปีจะถูกปรับมากกว่า 100 ล้านบาท ถ้าไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารภายในได้
“บอร์ด อภ. ชุดนี้มี นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เป็นประธาน และ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นกรรมการ ได้รับการแต่งตั้งสมัย นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ อดีต รมว.สาธารณสุข พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2555 และงานชิ้นแรกที่ทำ คือ ปลด นพ.วิฑิต อรรถเวชกุล ออกจาก ผอ.อภ. เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2556 หลังจากนั้นได้แต่งตั้ง นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา อดีตผู้ตรวจราชการ สธ. ที่โตจาก นพ.สสจ.สระแก้ว มาเป็น ผอ.อภ. แทน ทำให้ระบบงานและภาพลักษณ์ อภ. ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตตกต่ำ การบริหารงานภายในปั่นป่วน เจ้าหน้าที่ทุกระดับหมดกำลังใจ ใส่เกียร์ว่าง เป็นสาเหตุทำให้การผลิตยาและจัดหายาสำคัญ เช่น ยาต้านไวรัสเอดส์ ยาวัณโรค และยาเบาหวาน ขาดส่งตามสัญญากับ สปสช. และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะแก้ไขปัญหาได้เมื่อไร” นายอภิวัฒน์ กล่าว
นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าตัวแทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยวัณโรค และผู้ป่วยโรคไต จะประชุมเพื่อเตรียมการอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยทั่วประเทศเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อขอความช่วยเหลือจากประธาน คสช. ให้แก้ไขปัญหาและฟื้นฟู อภ. ให้มีระบบบริหารเป็นมืออาชีพเหมือนเดิม ปลอดจากการแสวงหาประโยชน์จากเด็กนักการเมืองที่แต่งตั้งจากรัฐบาลเก่า เพื่อคืนความสุข คืนความมั่นคงปลอดภัยด้านยาให้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรสุขภาพขอเรียกร้องให้ คสช. สอบกรณีที่ นพ.พิพัฒน์ ร่วมกับ นพ.ณรงค์ และกรรมการ อภ. คนอื่นที่ นพ.ประดิษฐ แต่งตั้ง และมีข่าวอื้อฉาวมาตลอดว่าเคยมีมติให้เปลี่ยนเส้นทางเงิน 70 ล้านบาท ค่าส่งเสริมการตลาดของ อภ. ที่จะต้องส่งให้ สปสช. เพื่อจัดสรรให้โรงพยาบาลต่างๆ แต่กลับส่งเข้าสู่ สธ. ตามหนังสือกระทรวงสาธารณสุข ที่ สธ. 0205.02.5/13144 ลงวันที่ 30 ก.ย. 2556 และหนังสือที่ สธ. 0205.02.5/13180 ลงวันที่ 30 ก.ย. 2556 ว่าขณะนี้เงินอยู่ที่ไหน เอาไปทำอะไร มีใครแอบได้ประโยชน์ และสอบสวนว่ามีความจำเป็นอะไรหรือใครอยู่เบื้องหลังจากการที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือ ลงวันที่ 16 มิ.ย. 56 ของบประมาณจาก อภ. ตามโครงการให้ทุนการศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิตจำนวน 6 ทุน ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกาเป็นเงินถึงปีละกว่า 12.8 ล้านบาท และค่าบริหารอีกปีละ 1 ล้านบาท ว่ามีความจำเป็นและเหมาะสมอย่างไร
นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า รวมทั้งสอบกรณีที่ นพ.พิพัฒน์ จัดประชุมกรรมการบริษัท ร่วมค้าที่สนามกอลฟ์หรู จ.นครปฐม และทำเรื่องเบิกบัญชีเงินสวัสดิการพนักงานองค์การเภสัชกรรม เป็นค่าตีกอลฟ์ครั้งนั้นจำนวน 10,200 บาท ตามหนังสือลงวันที่ 21 ก.พ. 2557 รวมทั้งเบิกค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่อ้างว่าเป็นค่าเดินทางไปดูงานโรงพยาบาลที่มหานครนิวยอร์ค ในครั้งที่เดินทางไปร่วมพิธีมอบทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด แทน นพ.ประดิษฐ เป็นเงิน 65,000 บาท
“อยากให้ คสช. สั่ง DSI สอบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้กระจ่าง เพราะส่อว่าประธานบอร์ด ปลัด สธ. และ ผอ.อภ. นอกจากบริหารไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ยาจำเป็นแก่ชีวิตของผู้ป่วยขาดส่งแล้ว ยังอาจมีพฤติการการแสวงหาประโยชน์จากเงินของ อภ. ซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ของประชาชน และของผู้ป่วย ไม่ใช่ของเด็กนักการเมือง” นพ.วชิระ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีต้องรับยาต้านไวรัสเอดส์จำนวนกว่า 2 แสนรายทั่วประเทศ กำลังวิตกว่ายาต้านไวรัสที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิต และผู้ติดเชื้อต้องกินทุกวันจะขาดตลาด เพราะการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพของบอร์ด อภ. และ ผอ.อภ. ทำให้ยาจำเป็นหลายรายการ เช่น ยาเบาหวาน ขาดตลาด และล่าสุดยาต้านไวรัสเอดส์ 6 รายการ ยาวัณโรคอีก 4 รายการที่ อภ. เคยผลิตและจำหน่ายมาตลอด ทำให้ไม่สามารถผลิตหรือจัดหาส่งให้ สปสช. เพื่อกระจายให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศได้ทันตามสัญญาซื้อขายที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มูลค่าที่ขาดส่งประมาณ 326.7 ล้านบาท ทำให้ถูกปรับวันละ 6.5 แสนบาท และคาดว่าสิ้นปีจะถูกปรับมากกว่า 100 ล้านบาท ถ้าไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารภายในได้
“บอร์ด อภ. ชุดนี้มี นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เป็นประธาน และ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นกรรมการ ได้รับการแต่งตั้งสมัย นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ อดีต รมว.สาธารณสุข พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2555 และงานชิ้นแรกที่ทำ คือ ปลด นพ.วิฑิต อรรถเวชกุล ออกจาก ผอ.อภ. เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2556 หลังจากนั้นได้แต่งตั้ง นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา อดีตผู้ตรวจราชการ สธ. ที่โตจาก นพ.สสจ.สระแก้ว มาเป็น ผอ.อภ. แทน ทำให้ระบบงานและภาพลักษณ์ อภ. ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตตกต่ำ การบริหารงานภายในปั่นป่วน เจ้าหน้าที่ทุกระดับหมดกำลังใจ ใส่เกียร์ว่าง เป็นสาเหตุทำให้การผลิตยาและจัดหายาสำคัญ เช่น ยาต้านไวรัสเอดส์ ยาวัณโรค และยาเบาหวาน ขาดส่งตามสัญญากับ สปสช. และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะแก้ไขปัญหาได้เมื่อไร” นายอภิวัฒน์ กล่าว
นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าตัวแทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยวัณโรค และผู้ป่วยโรคไต จะประชุมเพื่อเตรียมการอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยทั่วประเทศเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อขอความช่วยเหลือจากประธาน คสช. ให้แก้ไขปัญหาและฟื้นฟู อภ. ให้มีระบบบริหารเป็นมืออาชีพเหมือนเดิม ปลอดจากการแสวงหาประโยชน์จากเด็กนักการเมืองที่แต่งตั้งจากรัฐบาลเก่า เพื่อคืนความสุข คืนความมั่นคงปลอดภัยด้านยาให้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรสุขภาพขอเรียกร้องให้ คสช. สอบกรณีที่ นพ.พิพัฒน์ ร่วมกับ นพ.ณรงค์ และกรรมการ อภ. คนอื่นที่ นพ.ประดิษฐ แต่งตั้ง และมีข่าวอื้อฉาวมาตลอดว่าเคยมีมติให้เปลี่ยนเส้นทางเงิน 70 ล้านบาท ค่าส่งเสริมการตลาดของ อภ. ที่จะต้องส่งให้ สปสช. เพื่อจัดสรรให้โรงพยาบาลต่างๆ แต่กลับส่งเข้าสู่ สธ. ตามหนังสือกระทรวงสาธารณสุข ที่ สธ. 0205.02.5/13144 ลงวันที่ 30 ก.ย. 2556 และหนังสือที่ สธ. 0205.02.5/13180 ลงวันที่ 30 ก.ย. 2556 ว่าขณะนี้เงินอยู่ที่ไหน เอาไปทำอะไร มีใครแอบได้ประโยชน์ และสอบสวนว่ามีความจำเป็นอะไรหรือใครอยู่เบื้องหลังจากการที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือ ลงวันที่ 16 มิ.ย. 56 ของบประมาณจาก อภ. ตามโครงการให้ทุนการศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิตจำนวน 6 ทุน ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกาเป็นเงินถึงปีละกว่า 12.8 ล้านบาท และค่าบริหารอีกปีละ 1 ล้านบาท ว่ามีความจำเป็นและเหมาะสมอย่างไร
นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า รวมทั้งสอบกรณีที่ นพ.พิพัฒน์ จัดประชุมกรรมการบริษัท ร่วมค้าที่สนามกอลฟ์หรู จ.นครปฐม และทำเรื่องเบิกบัญชีเงินสวัสดิการพนักงานองค์การเภสัชกรรม เป็นค่าตีกอลฟ์ครั้งนั้นจำนวน 10,200 บาท ตามหนังสือลงวันที่ 21 ก.พ. 2557 รวมทั้งเบิกค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่อ้างว่าเป็นค่าเดินทางไปดูงานโรงพยาบาลที่มหานครนิวยอร์ค ในครั้งที่เดินทางไปร่วมพิธีมอบทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด แทน นพ.ประดิษฐ เป็นเงิน 65,000 บาท
“อยากให้ คสช. สั่ง DSI สอบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้กระจ่าง เพราะส่อว่าประธานบอร์ด ปลัด สธ. และ ผอ.อภ. นอกจากบริหารไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ยาจำเป็นแก่ชีวิตของผู้ป่วยขาดส่งแล้ว ยังอาจมีพฤติการการแสวงหาประโยชน์จากเงินของ อภ. ซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ของประชาชน และของผู้ป่วย ไม่ใช่ของเด็กนักการเมือง” นพ.วชิระ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
