xs
xsm
sm
md
lg

อีสุกอีใสระบาดหนักกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า เตือนเลี่ยงกินยาแอสไพริน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อีสุกอีใสระบาดหนัก แค่ครึ่งปีป่วยแล้วกว่า 6.3 หมื่นราย ตาย 1 ราย สูงกว่าปีก่อนที่ป่วยทั้งปีถึง 3 เท่า เลี่ยงกินยาแอสไพรินลดไข้ เตือนมีไข้สูง ผื่นขึ้นตามตัวมาก หายใจหอบ ชัก ซึมลง ต้องรีบพบแพทย์

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปี 2557 พบผู้ป่วยโรคสุกใสเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปี โดยในรอบ 6 เดือน ตั้งแต่ ม.ค. - มิ.ย. พบผู้ป่วย 63,510 ราย เฉลี่ยวันละ 350 ราย เสียชีวิต 1 ราย ขณะที่ปี 2556 มีผู้ป่วยทั้งปี 49,398 ราย เฉลี่ยวันละ 135 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต เรียกว่าป่วยสูงกว่าปีที่แล้วเกือบ 3 เท่า จึงสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันการเจ็บป่วย และให้ทุกโรงพยาบาลเพิ่มมาตรการการดูแลผู้ป่วย เพื่อป้องกันการเสียชีวิตให้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคต่ำกว่า หากติดเชื้อและป่วยจะมีอาการรุนแรง

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า โรคสุกใส หรืออีสุกอีใส เกิดจากเชื้อไวรัส “วาริเซลลา (Varicella)” ชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดงูสวัด โรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายทางการไอ จาม หายใจรดกัน หรือการสัมผัส รวมทั้งการใช้ของร่วมกัน อาการป่วยหลังรับเชื้อ 2 - 3 สัปดาห์ หากเป็นเด็กเล็กจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร ส่วนผู้ใหญ่จะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัวคล้ายไข้หวัด มีผื่นขึ้นพร้อมๆ กับวันที่เริ่มมีไข้หรือขึ้นหลังมีไข้ 1 วัน บางรายมีตุ่มขึ้นในช่องปาก ทำให้ปากและลิ้นเปื่อย โดยระยะแรกจะมีผื่นแดงขึ้นตามตัว ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มใส และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขุ่นคล้ายหนอง แล้วกระจายไปตามใบหน้า ลำตัว แผ่นหลัง และช่องปาก จากนั้น 2 - 3 วัน ผื่นจะตกสะเก็ด สำหรับการรักษานั้นในรายที่เป็นไม่มาก อาจดูแลตัวเองที่บ้านตามอาการ เช่น มีไข้ ให้ทานยาพาราเซตามอล หากมีอาการคันให้ใช้ยาทา เพื่อลดอาการคัน ในรายที่มีไข้สูง มีผื่นขึ้นตามตัวมาก มีอาการเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น เช่น หายใจหอบ ชัก ซึมลง ต้องรีบพบแพทย์

“กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี มะเร็ง เบาหวาน ความดันสูง มีความเสี่ยงอาการรุนแรงกว่ากลุ่มอื่น ควรรีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อดูแลรักษา ลดความรุนแรงโรค สำหรับการป้องกันทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 - 2 วันก่อนผื่นขึ้นจนถึงระยะผื่นตกสะเก็ด เด็กที่เป็นโรคสุกใส ควรหยุดไปโรงเรียน จนกว่าผื่นตกสะเก็ดหมดแล้วอย่างน้อย 1 วัน การป้องกันที่ได้ผลคือการฉีดวัคซีน ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันโรคได้ดีในเด็กอายุ 1 - 12 ปี” อธิบดี คร. กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนควรรู้เกี่ยวกับโรคสุกใส คือ 1. โรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ไม่ใช่เฉพาะเด็ก 2. คนที่เคยเป็นแล้ว หากได้รับเชื้อสายพันธุ์ใหม่อาจป่วยซ้ำได้อีก 3. ส่วนใหญ่เป็นแล้วจะหายได้เองใน 1 - 3 สัปดาห์ แต่บางคนอาจไม่หาย เนื่องจากติดเชื้อแทรกซ้อน ทำให้มีอาการต่างๆ เช่น แก้วหูอักเสบ ปอดอักเสบ ตับอักเสบ หรือติดเชื้อในสมอง ถ้ารักษาช้าอาจเสียชีวิตได้ 4. โรคสุกใสป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนร้อยละ 90 โดยวัคซีนช่วยลดความรุนแรงอาการป่วยได้ 5. หากมีไข้ขึ้นสูง ควรทานยาพารา ร่วมกับใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อยๆ เพื่อบรรเทาอาการไข้ 6. ไม่กินแอสไพรินลดไข้ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการที่เรียกว่าไรย์ ซินโดรม (Reye’s syndrome) ซึ่งเป็นความผิดปกติของสมองและตับ ทำให้มีอาการสมองอักเสบร่วมกับตัวเหลือง จนเกิดอันตรายร้ายแรงได้ 7. ทายาลดคันตามที่แพทย์สั่ง 8. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีมีประโยชน์ไปสร้างภูมิคุ้มกัน ที่สำคัญคือต้องพักผ่อนและดื่มน้ำมากๆ

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น