ใน 1 ปีพบใช้แรงงานเด็กผิด กม. 21 ราย เอาผิดนายจ้างตามกฎหมาย กสร. เผย ของบ 20 ล้าน สำรวจการใช้แรงงานเด็ก เดินหน้าดันสินค้าน้ำตาล - กุ้ง หลุดบัญชีสินค้าเฝ้าระวังของอเมริกา
วันนี้ (12 มิ.ย.) นายสุวิทย์ สุมาลา รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการแก้ปัญหาการใช้แรงงานเนื่องในวันต่อต้านการใช้แรงงานเด็กโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 12 มิ.ย. ทุกปี ว่า จากการตรวจแรงงานของ กสร. ระหว่างเดือนตุลาคม 2556 ถึง พฤษภาคม 2557 พบว่า ลูกจ้างเด็กอายุ 15 - 18 ปี ซึ่งเป็นการจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสถานประกอบการต่างๆ ทั่วประเทศ 3,470 คน และมีสถานประกอบการ 6 ราย ในจังหวัดสมุทรสาคร นนทบุรี และราชบุรี ที่จ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ทำงานรวม 21 คน โดยทั้งหมดเป็นเด็กต่างด้าว ซึ่งพนักงานตรวจแรงงานได้แจ้งความดำเนินคดีกับสถานประกอบการทั้ง 6 ราย ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 44 กฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้ช่วยเรียกร้องสิทธิต่างๆ เช่น ค่าจ้างให้แก่เด็กต่างด้าว รวมทั้งประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่งเด็กเข้าบ้านพักฉุกเฉินจากนั้นจะส่งกลับประเทศ
รองอธิบดี กสร. กล่าวอีกว่า สถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในขณะนี้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา แต่ที่ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่มีข้อมูลว่ามีเด็กทำงานหลายแสนคนนั้นเป็นการสำรวจเด็กที่มีอายุ 15 - 18 ปี ที่ครอบคลุมเด็กทำงานในภาพรวม เช่น นักเรียนที่ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหาร เด็กๆ ที่ปิดเทอมแล้วช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้าน ซึ่งไม่ได้มีการแยกเรื่องกรณีลูกจ้างเด็กและการใช้แรงงานเด็กโดยผิดกฎหมายออกมาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีกรณีแรงงานต่างด้าวบางรายในอุตสาหกรรม เช่น ประมง เครื่องนุ่งห่มมีรูปร่างเล็กดูเหมือนเด็ก ทำให้ถูกมองว่าเป็นการใช้แรงงานเด็ก แต่เมื่อมีการตรวจพิสูจน์ทางการแพทย์โดยดูมวลกระดูกและฟันก็พบว่า มีอายุ 15 ปีแล้ว
ทั้งนี้ กสร. จะสำรวจสภาวะการทำงานของเด็กว่าในสถานประกอบการต่างๆ ทั่วประเทศว่า มีลูกจ้างเด็กทำงานอยู่กี่ราย และมีการใช้แรงงานเด็กโดยผิดกฎหมายหรือไม่ จำนวนเท่าไหร่ โดยได้เสนอของบประมาณในปี 2558 จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 20 ล้านบาท เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ หากได้รับงบประมาณก็จะสำรวจทันที ซึ่งผลสำรวจข้างต้นจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยในการเสนอให้อเมริกาพิจารณาถอดสินค้า เช่น น้ำตาล กุ้ง ปลา เครื่องนุ่งห่มออก จากการเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็ก เนื่องจากอเมริกานำผลสำรวจนี้มาเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดพิจารณาถอดถอนสินค้า ซึ่งไทยจะเสนอถอดถอนสินค้ากุ้งและน้ำตาลก่อนเป็นอันดับแรกโดยอเมริกาจะพิจารณาการถอดถอนสินค้าในเดือนกันยายนนี้
นายสุวิทย์ กล่าวด้วยว่า กสร. จะเดินหน้าแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กโดยการสำรวจข้อมูลให้ชัดเจน การดำเนินคดีตามกฎหมายกับสถานประกอบการอย่างเข้มงวด การชี้แจงทำความเข้าใจและขอร่วมมือกับสถานประกอบการให้ใช้แนวปฏิบัติการจ้างแรงงานที่ดี (จีแอลพี) และสร้างสถานประกอบการต้นแบบ ซึ่งขณะนี้มีสถานประกอบการในกลุ่มอ้อย กุ้ง ปลา และเครื่องนุ่งห่ม เข้าร่วมแล้ว 107 แห่ง อีกทั้งจะทำงานเป็นเครือข่ายร่วมกับสถานประกอบการและเอ็นจีโอในการป้องกันและตรวจสอบการใช้แรงงานเด็ก ขณะเดียวกัน ก็เชื่อว่า เมื่อ คสช. ได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวขึ้นมาแล้วจะทำให้การแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กทำได้ง่ายขึ้น เพราะการใช้แรงงานเด็กส่วนมากเป็นกรณีใช้แรงงานเด็กต่างด้าว ซึ่งลักลอบเข้ามาในไทยกับพ่อแม่โดยผิดกฎหมาย และ กสร. ก็ไม่รู้ว่าเด็กต่างด้าวกลุ่มนี้อยู่ตรงจุดใดบ้าง หากมีการจัดระบบบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่ดีก็จะเจอเด็กต่างด้าวกลุ่มนี้ และสามารถพาเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กหรือเข้าโรงเรียนได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (12 มิ.ย.) นายสุวิทย์ สุมาลา รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการแก้ปัญหาการใช้แรงงานเนื่องในวันต่อต้านการใช้แรงงานเด็กโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 12 มิ.ย. ทุกปี ว่า จากการตรวจแรงงานของ กสร. ระหว่างเดือนตุลาคม 2556 ถึง พฤษภาคม 2557 พบว่า ลูกจ้างเด็กอายุ 15 - 18 ปี ซึ่งเป็นการจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสถานประกอบการต่างๆ ทั่วประเทศ 3,470 คน และมีสถานประกอบการ 6 ราย ในจังหวัดสมุทรสาคร นนทบุรี และราชบุรี ที่จ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ทำงานรวม 21 คน โดยทั้งหมดเป็นเด็กต่างด้าว ซึ่งพนักงานตรวจแรงงานได้แจ้งความดำเนินคดีกับสถานประกอบการทั้ง 6 ราย ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 44 กฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้ช่วยเรียกร้องสิทธิต่างๆ เช่น ค่าจ้างให้แก่เด็กต่างด้าว รวมทั้งประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่งเด็กเข้าบ้านพักฉุกเฉินจากนั้นจะส่งกลับประเทศ
รองอธิบดี กสร. กล่าวอีกว่า สถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในขณะนี้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา แต่ที่ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่มีข้อมูลว่ามีเด็กทำงานหลายแสนคนนั้นเป็นการสำรวจเด็กที่มีอายุ 15 - 18 ปี ที่ครอบคลุมเด็กทำงานในภาพรวม เช่น นักเรียนที่ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหาร เด็กๆ ที่ปิดเทอมแล้วช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้าน ซึ่งไม่ได้มีการแยกเรื่องกรณีลูกจ้างเด็กและการใช้แรงงานเด็กโดยผิดกฎหมายออกมาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีกรณีแรงงานต่างด้าวบางรายในอุตสาหกรรม เช่น ประมง เครื่องนุ่งห่มมีรูปร่างเล็กดูเหมือนเด็ก ทำให้ถูกมองว่าเป็นการใช้แรงงานเด็ก แต่เมื่อมีการตรวจพิสูจน์ทางการแพทย์โดยดูมวลกระดูกและฟันก็พบว่า มีอายุ 15 ปีแล้ว
ทั้งนี้ กสร. จะสำรวจสภาวะการทำงานของเด็กว่าในสถานประกอบการต่างๆ ทั่วประเทศว่า มีลูกจ้างเด็กทำงานอยู่กี่ราย และมีการใช้แรงงานเด็กโดยผิดกฎหมายหรือไม่ จำนวนเท่าไหร่ โดยได้เสนอของบประมาณในปี 2558 จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 20 ล้านบาท เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ หากได้รับงบประมาณก็จะสำรวจทันที ซึ่งผลสำรวจข้างต้นจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยในการเสนอให้อเมริกาพิจารณาถอดสินค้า เช่น น้ำตาล กุ้ง ปลา เครื่องนุ่งห่มออก จากการเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็ก เนื่องจากอเมริกานำผลสำรวจนี้มาเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดพิจารณาถอดถอนสินค้า ซึ่งไทยจะเสนอถอดถอนสินค้ากุ้งและน้ำตาลก่อนเป็นอันดับแรกโดยอเมริกาจะพิจารณาการถอดถอนสินค้าในเดือนกันยายนนี้
นายสุวิทย์ กล่าวด้วยว่า กสร. จะเดินหน้าแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กโดยการสำรวจข้อมูลให้ชัดเจน การดำเนินคดีตามกฎหมายกับสถานประกอบการอย่างเข้มงวด การชี้แจงทำความเข้าใจและขอร่วมมือกับสถานประกอบการให้ใช้แนวปฏิบัติการจ้างแรงงานที่ดี (จีแอลพี) และสร้างสถานประกอบการต้นแบบ ซึ่งขณะนี้มีสถานประกอบการในกลุ่มอ้อย กุ้ง ปลา และเครื่องนุ่งห่ม เข้าร่วมแล้ว 107 แห่ง อีกทั้งจะทำงานเป็นเครือข่ายร่วมกับสถานประกอบการและเอ็นจีโอในการป้องกันและตรวจสอบการใช้แรงงานเด็ก ขณะเดียวกัน ก็เชื่อว่า เมื่อ คสช. ได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวขึ้นมาแล้วจะทำให้การแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กทำได้ง่ายขึ้น เพราะการใช้แรงงานเด็กส่วนมากเป็นกรณีใช้แรงงานเด็กต่างด้าว ซึ่งลักลอบเข้ามาในไทยกับพ่อแม่โดยผิดกฎหมาย และ กสร. ก็ไม่รู้ว่าเด็กต่างด้าวกลุ่มนี้อยู่ตรงจุดใดบ้าง หากมีการจัดระบบบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่ดีก็จะเจอเด็กต่างด้าวกลุ่มนี้ และสามารถพาเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กหรือเข้าโรงเรียนได้
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่