xs
xsm
sm
md
lg

จาก 37.5 the stories ถึงความเท่าเทียมในสิทธิสุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย..นิมิตร์ เทียนอุดม

ตามคำเชิญของคุณหมอ อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้ดู 37.5 the stories ที่ออกอากาศทางไทยพีบีเอส ตอนแรก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาครับ แค่เริ่มแรกก็กล่าวถึงความลักลั่นในสิทธิด้านสุขภาพของไทย ทั้งสิทธิราชการ ประกันสังคม และบัตรทองแล้ว น่าสนใจว่าตอนต่อๆ ไปจะว่าด้วยความเหลื่อมล้ำในเรื่องใดอีก ต้องติดตามนะครับ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส

เมื่อพูดถึงความไม่เท่าเทียมกันเรื่องสิทธิด้านสุขภาพแล้ว ผมอยากชวนให้คุณผู้อ่านเห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันอีกประการหนึ่งระหว่างสิทธิประกันสังคมและสิทธิบัตรทอง นั่นคือเรื่อง การส่งเสริมป้องกันโรค ผู้ใช้สิทธิประกันสังคมคงทราบดีกว่า ประกันสังคมครอบคลุมเฉพาะการรักษาเมื่อเจ็บป่วยเท่านั้น แต่ไม่ได้ครอบคลุม เรื่องการป้องกันเพื่อไม่ให้เราเกิดโรค เช่นกรณีการคุมกำเนิด

ง่ายๆ ก็คือ ถ้าคุณใช้สิทธิประกันสังคมแล้วคุณไปมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันแล้วคุณตั้งครรภหรือติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ประกันสังคมเหมาจ่ายค่าคลอดและค่ารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้คุณ แต่ไม่จ่ายยาคุมกำเนิดหรือถุงยางอนามัยเพื่อส่งเสริมให้คุณป้องกันการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมและป้องกันโรค ในขณะที่คนใช้สิทธิบัตรทองจะได้รับบริการคุมกำเนิดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และพยายามเพิ่มความสะดวกเพื่อให้คนเข้าถึงบริการป้องกันด้วยการให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นหน่วยในการจัดการเรื่องนี้ แต่ในระหว่างที่ประกันสังคมไม่มีสิทธิประโยชน์เรื่องการส่งเสริมป้องกันโรค ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจึงมีหน้าที่ต้องจัดสิทธิประโยชน์ส่งเสริมป้องกันโรคให้ กับผู้ประกันตน ทุกคน เพียงแต่ผู้ประกันตนไม่ทราบและโรงพยาบาลต่างๆ ก็ไม่ได้แจ้ง ให้รู้อย่างทั่วถึง

การจ่ายเมทาโดน เพื่อทดแทนการใช้ หรือ ลดการใช้ สารเสพติด (เฮโรอีน) เป็นอีกหนึ่งสิทธิประโยชน์ ที่ยังไม่ครอบคลุมในระบบสุขภาพของประกันสังคมในขณะที่ในระบบหลักประกันสุขภาพ สปสช. จัดสิทธิประโยชน์นี้มาไม่ต่ำกว่า 4 ปีแล้ว และเป็นการให้ในขนาดยาที่เหมาะสมกับผู้ใช้ยาแต่ละคน และให้ต่อเนื่อง ไปจนกว่าจะหยุดยาได้ ไม่มีกำหนดว่าต้องหยุดภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น เช่น ต้องหยุดให้ได้ ภายใน 21 วัน 48 วัน อะไรทำนองนี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า ไม่ใช่วิธีที่เหมาะที่จะกำหนดเวลา แบบนั้นได้ ถ้าผู้ใช้ยาคนนั้นไม่พร้อมไม่ได้สมัครใจจะหยุดการกลับไปเสพซ้ำก็จะเกิดขึ้นแน่ๆ ดังนั้น เมื่อผู้ประกันตนที่เป็นผู้ใช้ยาและต้องการจะบำบัดต้องการจะใช้สารทดแทนการใช้สารเสพติดก็ต้องซื้อเอง ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่เขาเหล่านั้นจะคิดว่า ถ้าต้องซื้อก็ไปซื้อยาเสพติดเลยดีกว่า...เมากว่า

การใช้ เมทาโดน นั้น ช่วยให้ผู้ใช้ยา คนนั้นๆ สามารถทำงานได้ ตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องใช้สารเสพติด และต้องเป็นการใช้ทุกวันและเพื่อให้มั่นใจและเป็นการช่วยให้ผู้ใช้ยาได้บำบัดจริงๆ ระบบการให้เมทาโดนในปัจจุบันเป็นการให้มากินต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่หน่วยบริการนั้นๆ ที่ให้บริการอยู่ และในหลายๆ ที่ เจ้าหน้าที่จะยืดหยุ่น เวลาที่มากินเมทาโดน ที่เหมาะกับเวลาของผู้ใช้ยาแต่ละคน ซึ่ง เป็นการดึงผู้ใช้ยาให้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกับ คนอื่นๆ ได้ดีแบบหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ระบบประกันสังคม ไม่มีสิทธิประโยชน์นี้ ซึ่งในวันที่ 25 มิ.ย. นี้ เครือข่ายคนทำงานเพื่อลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด พยายามจะเข้าพบกับเลขาธิการประกันสังคมเพื่อเรียกร้องให้เพิ่มสิทธิประโยชน์นี้ ผมก็ใช่ช่องทางนี้ ช่วยส่งเสียงถึงประกันสังคมให้พิจารณาเรื่องนี้เพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตน และเพื่อลดความเหลื่อมล้ำที่ผู้ประกันตนยังได้สิทธิไม่เท่าเทียมกับสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพอื่นๆ

เปิดเรื่องด้วยความบันเทิง ชวนดูซีรีย์ แต่ดูเหมือนจะปิดเรื่องด้วยประเด็นเครียดๆ ชวนคิด อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ และอยากชวนทุกคนโดยเฉพาะคนที่ใช้สิทธิประกันสังคมและหน่วยบริการส่งเสียงถึงสำนักงานประกันสังคมกันให้ดังๆ ว่าอยากให้ประกันสังคมครอบคลุมค่าใช้จ่ายเรื่องการส่งเสริมป้องกันโรคด้วยเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ประกันตนและเพื่อลดภาระงานของหน่วยบริการ

แต่ถ้าเลือก “ไม่ส่งเสียง” เราก็คงต้องทนอยู่กับความ “ไม่เท่าเทียม” กันต่อไปนะครับ
 

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่




กำลังโหลดความคิดเห็น