xs
xsm
sm
md
lg

ฝ้า-กระ ปัญหาใหญ่! แต่รักษาและป้องกันได้ไม่ยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ใกล้เทศกาลสงกรานต์ สาวๆ คนไหนเตรียมออกไปเล่นสาดน้ำท่ามกลางไอแดด ก็อย่าลืมป้องกันผิวใสๆ กันด้วย โดยเฉพาะครีมกันแดด และหมวกปีกกว้างที่เป็นไอเท่มสำคัญในการช่วยบังแสงแดดที่จะมาทำลายผิว แต่ใครที่มีปัญหาผิวอันเกิดจากแสงแดดอย่าง ฝ้าหรือกระไปแล้ว ก็ต้องยิ่งปกป้องผิวมากยิ่งขึ้น วิธีที่ดีที่สุดคือเลี่ยงปะทะแสงแดดโดยตรงเลยดีกว่า แต่ปัญหาฝ้ากระนี้ ก็ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้ เพราะวุฒิ-ศักดิ์ คลินิก มีเรื่องราวดีๆ ในการดูแลผิวจากปัญหานี้มาฝาก

นพ.เอกลักษณ์ ธรรมสุนทร ศัลยแพทย์จากวุฒิ-ศักดิ์ คลินิก แนะนำให้ทำความรู้จักสาเหตุสำคัญของปัญหาฝ้า กระ ที่ส่งผลให้เกิดความกังวลใจสำหรับสุภาพสตรีหลายคน ให้ดีเสียก่อนที่จะตัดสินใจทำการรักษาในขั้นตอนต่อไป

“กระและฝ้าเกิดจากการที่มีเม็ดสีเมลานินสะสมในผิวหนังมากผิดปกติ ทำให้เกิดผื่นสีน้ำตาลเป็นรอยคล้ำ ซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน โดยกระมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลขนาดมักเล็กกว่า 0.5 ซม. พบกระจายอยู่บริเวณใบหน้าและผิวหนังที่ถูกแสงแดดเป็นประจำ แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ กระตื้น ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ ขอบเขตไม่ชัดเจน และมักพบกระจายทั่วใบหน้า ถ้าโดนแดดสีมักจะเข้มขึ้น แต่ถ้าไม่โดนแดดนานๆ สีมักจะจางลง กระลึก ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเทาๆ เห็นเป็นเงาลึกๆ ส่วนใหญ่อยู่บริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้าง กระเนื้อ มีลักษณะเป็นตุ่มสีน้ำตาล หรืออาจเป็นสีดำ จะเป็นก้อนเล็กๆ ผิวเรียบหรือขรุขระก็ได้ บางครั้งดูคล้ายหูด มักพบบริเวณใบหน้า คอ หรือ ลำตัวก็ได้ และกระแดด มีลักษณะเป็นดวงสีน้ำตาล ผิวเรียบขนาดค่อนข้างใหญ่เกิน 0.5 ซม. ขึ้นไป เชื่อว่าอาจมีสาเหตุจากพันธุกรรมร่วมด้วย เริ่มพบได้ตั้งแต่วัยเด็ก จากนั้นจะค่อยๆ มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นและสีเข้มขึ้น และมักพบในคนสูงอายุ หรือคนที่ต้องทำงานอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ"

“สำหรับฝ้าพบบ่อยในสุภาพสตรีวัยกลางคน มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาล พบบริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก เหนือริมฝีปากด้านบนและคาง ผื่นมักมีสีคล้ำขึ้นเมื่อถูกแสงแดด โดยสามารถแบ่งชนิดของฝ้าได้เป็น 3 ชนิด ชนิดแรก คือ ฝ้าตื้น ที่เกิด มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลเข้ม บริเวณขอบเขตของผื่นจะเห็นชัด จะมีเม็ดสีเมลานินอยู่ไม่ลึกในบริเวณชั้นหนังกำพร้า ฝ้าลึก ที่อยู่ในชั้นหนังแท้ ผื่นฝ้าจะเป็นสีน้ำตาลผสมสีเทาเข้ม ขอบเขตจะเห็นไม่ชัดเจนเนื่องจากเม็ดสีเมลานินอยู่ในระดับที่ลึกมากขึ้น และ ฝ้าแบบผสม มีเม็ดสี เมลานินสะสมมากผิดปกติทั้งในชั้นหนังแท้และหนังกำพร้า

“สาเหตุของการเกิดฝ้านั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าน่าจะมีปัจจัยหลายอย่างร่วมกันได้แก่ แสงแดด ฮอร์โมน ยา การแพ้เครื่องสำอาง ตลอดจนพันธุกรรม ในส่วนของฮอร์โมนเชื่อว่าฮอร์โมนเพศชนิดเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) มีผลทำให้เกิดฝ้า โดยสังเกตพบว่าฝ้าจะเป็นมากขึ้นในสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดหรือสตรีที่ตั้งครรภ์ และฝ้ามักจะจางลงภายหลังหยุดยาคุมกำเนิด นอกจากนั้นการรับประทานยาบางชนิดอาจมีส่วนทำให้ฝ้ามีสีคล้ำขึ้นเช่น ยากันชัก เป็นต้น สำหรับการแพ้เครื่องสำอางอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดฝ้าได้ โดยเฉพาะการแพ้น้ำหอมหรือสีที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอางนั้นๆ”

ส่วนการรักษาฝ้า-กระ ในยุคนี้ คงต้องพึ่งเทคโนโลยีอย่างเลเซอร์ ซึ่งปัจจุบันมีหลายโปรแกรมให้สาวๆ ได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Double White Laser สำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาฝ้า กระ และต้องการบำรุงผิวเป็นพิเศษ, Signature Laser สำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าและสิว ต้องการให้ผิวกระจ่างใส และ Dual Green & Yellow สำหรับผิวที่มีปัญหาฝ้า กระ รอยดำจากสิว และเส้นเลือดฝอย

คุณหมอทิ้งท้ายว่า “สำหรับบางคนมีปัญหาผิวหน้าแห้ง หรือผิวเกิดรอยแดงหลังจากการทำเลเซอร์ ซึ่งโดยปกติปัญหาผิวเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน การดูแลผิวหลังจากการทำเลเซอร์ จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว งดยาที่มีฤทธิ์ละลายหัวสิว 1 วัน และหากมีความจำเป็นต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรง ควรจะใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 50 ขึ้นไป ร่วมกับการทำเลเซอร์สม่ำเสมอเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อคงความกระจ่างใสของใบหน้า”
กำลังโหลดความคิดเห็น