ก่อนการสัมภาษณ์คุณอินทร์ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาเคยบวชเป็นพระ เพียงแต่จำสัญลักษณ์ประจำตัว “มือรูปกรรไกร” ของเขาได้ติดตา เขามักจะชูสองนิ้วซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะทุกครั้งเวลาที่ถ่ายรูป เรื่องที่เขาได้รับการโหวตให้เป็นผู้ที่กล้าต่อสู้กับโรคมะเร็งนั้นได้ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ซึ่งนั่นถือเป็นครั้งที่สามที่เขาเข้ารักษาที่โรงพยาบาล “ก่อนเข้ารักษา ทุกวันผมต้องเข้าห้องน้ำวันละ 20 กว่าครั้ง ขับถ่ายลำบากมาก แต่ทุกวันนี้ผมเข้าห้องน้ำเพียงวันละ 2 ครั้ง และขับถ่ายได้อย่างปกติ…” ในขณะที่คุณอินได้แชร์ประสบการณ์การรักษาให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งในโรงพยาบาล แววตาของเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ปฏิเสธการทำคีโม 2 ครั้ง
คุณอินทร์วัย 48 ปี เป็นผู้ดูแลร้านขายของชำแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว คุณอินทร์มักจะรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยสบาย ใช้เวลาในการขับถ่ายนาน ต่อมายังขับถ่ายเป็นเลือด คุณอินทร์จึงตัดสินใจไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลในท้องถิ่น และพบว่ามีเซลล์มะเร็ง
แรกเริ่มนั้นคุณอินทร์ปฏิเสธแผนการรักษาด้วยคีโมทั่วร่างกาย คุณอินทร์กล่าวว่า “เหตุผลแรกที่ผมกังวลคือเรื่องผลข้างเคียงต่างๆ เช่น ผมร่วง แต่เหตุผลหลักๆ คือ การทำคีโมนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก ผมเห็นผู้ป่วยบางคนรักษาไปแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น” โรงพยาบาลที่นี่ทุกวันจะมีผู้ป่วยประมาณ 400-500 คนมาหาหมอ บางครั้งเข้าคิวรอตั้งแต่ตี 4 ถึง 4 โมงเย็นก็ยังไม่ถึงคิว หมอแต่ละคนก็วินิจฉัยโรคแตกต่างกันไป อีกทั้งยังไม่สามารถทำการรักษาหลายๆ จุดพร้อมกันได้อีกด้วย เหตุผลเหล่านี้ล้วนทำให้คุณอินทร์รู้สึกหมดหวังในการรักษา
เนื่องจากอาการที่หนักขึ้นเรื่อยๆ คุณอินทร์เริ่มรู้สึกถึงการถูกคุกคามจากโรคมะเร็ง อีกทั้งยังหาวิธีการรักษาที่ดีไม่ได้ หลังจากที่ถูกเกลี่ยกล่อมจากคนในครอบครัว เขาจึงจำใจยอมรับการรักษาด้วยคีโม แต่เมื่อถึงกำหนดวันรักษา เครื่องมือที่ใช้ทำคีโมของโรงพยาบาลเกิดเสียขึ้นมากะทันหัน ต่อมาในวันที่ 24 กันยายน เมื่อคุณอินทร์กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง คำพูดของคุณหมอทำให้เขาหมดหวัง หมอบอกว่ามะเร็งลำไส้ที่เขาเป็นนั้นพัฒนาไปถึงระยะที่สี่แล้ว และมีการลุกลามไปที่ตับ รักษาหรือไม่รักษาก็มีค่าเท่ากัน “ในประเทศไทยไม่มีโรงพยาบาลไหนที่รักษาโรคของผมได้ ไม่มีวิธีไหนเลย ถ้าจะต้องตายก็ช่างมันเถอะ!” หลังจากนั้นหนึ่งเดือนเต็มๆ คุณอินทร์จึงไม่ได้เข้ารับการรักษาใดๆอีก และหันไปปฏิบัติธรรมแทน
5 เดือนกับการปฏิบัติธรรม
หลังจากรู้ว่าตนเองป่วย คุณอินทร์ก็ตัดสินใจใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อรับใช้พระพุทธศาสนาและบำเพ็ญ ประโยชน์ ในเดือนกรกฎาคมเขาได้บวชเป็นพระ ถึงแม้คุณอินทร์จะอยู่ในวัด แต่ครอบครัวของเขาก็ไม่เคยย่อท้อ ยังคงค้นหาวิธีการรักษาที่ดีที่สุด โดยเฉพาะหลังจากที่เขายอมแพ้ต่อการรักษาแล้ว ทางครอบครัวยิ่งพยายามสอบถามจากหลากหลายช่องทางมากขึ้น สุดท้ายสวรรค์ก็เห็นใจ ลูกสาวคนโตเจอข้อมูลโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวในอินเทอร์เน็ต และได้ติดต่อกับผู้จัดการหยางหงปินซึ่งประจำอยู่ที่สำนักงานของโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ จากนั้นจึงได้เกลี้ยกล่อมให้คุณอินทร์ไปพบกับผู้จัดการหยาง
การพบกันครั้งนี้ ก่อเกิดความหวังใหม่ให้คุณอินทร์ เขารู้มาว่ามีผู้ป่วยหลายคนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้และมีผลการรักษาที่ ดี อีกทั้งโรงพยาบาลยังมีเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยมากมาย ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ครอบครัวและเพื่อนต่างสนับสนุนให้คุณอินทร์ไปรักษาที่นั่น
อย่างไรก็ตาม คุณอินทร์อยากปฏิบัติธรรมให้เสร็จสิ้นก่อน เพราะเขาอยากรับใช้พระพุทธศาสนาให้ถึงที่สุด และขอให้พระพุทธเจ้าช่วยเขาให้รอดพ้นจากความทุกข์โดยเร็ว เดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเป็นช่วงที่คุณอินทร์อาการหนักที่สุด แทบจะต้องเข้าห้องน้ำทุกๆ1ชั่วโมง ทั้งยังถ่ายเป็นเลือด ท้องร่วง อุจจาระเหลว ปวดบริเวณทวารหนัก เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรง ภาวะการนอนหลับย่ำแย่ น้ำหนักลดลงจาก 58 กก. ในช่วงที่ยังแข็งแรง เหลือเพียง 47 กก. “ในตอนนั้นโชคดีที่มีพี่ๆ น้องๆ คอยดูแลผม พอพวกเขารู้ว่าผมป่วยเป็นมะเร็งก็ดูแลผมเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณพวกเขาอย่างมาก” คุณอินทร์นึกย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น
จาก 47 กก. เพิ่มขึ้นเป็น 54 กก.
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมของปีที่แล้ว คุณอินทร์ได้ปฏิบัติธรรมเสร็จสิ้น ก่อนหน้าที่จะเดินทางมายังโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวในเดือนมกราคม เขาได้สอบถามอาการของตนกับหมอที่เชียงใหม่ หมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 6 เดือนเท่านั้น วันที่ 14 มกราคม คุณอินทร์มาถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ผล CT สแกนแสดงให้เห็นว่ามะเร็งในลำไส้ตรงได้มีการแพร่กระจายไปหลายจุด ทั้งบริเวณรอบลำไส้ตรง ปอดทั้งสองข้าง ตับ และเยื่อยึดลำไส้ อีกทั้งยังตรวจพบน้ำในช่องท้อง
หลังจากที่ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประชุมร่วมกันแล้ว ได้พิจารณาถึงอาการตับอักเสบเรื้อรังและตับเสื่อมสมรรถภาพของผู้ป่วย จึงเลือกรักษาโดยให้ยาต้านไวรัสและยาบำรุงตับก่อน เมื่ออาการดีขึ้นแล้วค่อยดำเนินการรักษาด้วยวิธีอุดหลอดเลือดเฉพาะจุด “หลังจากรักษาไปสองคอร์ส คุณอินทร์ขับถ่ายลดลงเหลือเพียงวันละ 4 ครั้ง อุจจาระเริ่มจับเป็นก้อนขนาดเท่าหัวแม่เท้า น้ำหนักเพิ่มขึ้น 4.5 กก. ผล CT สแกนแสดงให้เห็นว่าก้อนมะเร็งหดเล็กลงมากกว่า 60% จุดเล็กๆ มากมายในปอดได้หายไปแล้ว” คุณหมอไล่เพ่ยเซิงแพทย์เจ้าของไข้กล่าว
อาการที่ดีขึ้นจากการรักษาทำให้คุณอินทร์มีกำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้าย เมื่อกลับมาที่ไทย เขาจึงกลับไปทำงาน และสามารถขับรถที่ตนรักได้อีกครั้ง “ทุกคนในโรงพยาบาลล้วนทำให้ผมมีกำลังใจเต็มเปี่ยม การรักษาด้วยการอุดหลอดเลือดเฉพาะจุดนั้นได้ผล ผมเพิ่งจะรักษาไป 2 ครั้ง ก็สามารถขับถ่ายได้เหมือนคนปกติแล้ว” คุณอินทร์กล่าวอย่างมีความสุข
หลังจากการรักษาครั้งที่สามผ่านไป อาการขับถ่ายเหลวและถ่ายเป็นเลือด ท้องเสียต่างๆ ที่เคยมีก็หายไป ครั้งล่าสุดที่เขามาโรงพยาบาลคือวันที่ 26 เมษายน น้ำหนักของเขาเพิ่มขึ้นอีก 2 กก. “เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ น้ำหนักของผมเพิ่มกลับมาเป็น 54 กก. ผมเชื่อว่าน้ำหนักที่ลดลงไปนิดหน่อยหลังการรักษาแบบอุดหลอดเลือดเฉพาะจุดไม่ นานก็จะขึ้นกลับมาเท่าเดิม” ตอนนี้คุณอินทร์เข้าห้องน้ำเพียงวันละ 1 - 2 ครั้งเท่านั้น อุจจาระมีลักษณะหนาและยาวขึ้น ภาวะการนอนหลับและสุขภาพจิตเหมือนคนทั่วไป ผลการประเมินการรักษาทุกครั้งเป็น PR (ก้อนมะเร็งหดเล็กลงมากกว่า 50%)
รอดพ้นจากความตาย
“ครั้งแรกที่ผมเข้ามาที่โรงพยาบาล คุณหมอไล่เคยพูดกับผมว่า ถ้าโรคของผมไม่รักษาแล้วละก็ อย่างมากก็อยู่ได้แค่ 2 เดือน แต่ตอนนี้ผมได้ผ่าน2 เดือน นั้นมาแล้ว!” คุณอินทร์ยกนิ้วขึ้นนับเวลา เขาได้ทำการรักษาอุดหลอดเลือดเฉพาะจุดไปแล้ว 5 คอร์ส “ผมรู้สึกว่าสุขภาพตัวเองแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัวเองก็รู้สึกเชื่อมั่น ลูกสาวคนโตของผมบอกว่า รอผมกลับไปแล้ว จะสร้างบ้านหลังใหม่ให้ผมอยู่ตอนแก่อีกด้วย!” หลังจากออกจากโรงพยาบาล คุณอินทร์และลูกสาวคนเล็กได้ไปเที่ยวมาเก๊าด้วยกัน
ช่วงสัมภาษณ์นั้น คุณอินทร์กำลังอ่านหนังสือแนะนำเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพอยู่ เขาบอกว่า “ผู้ป่วยคนไทยเตียง 41 ให้ผมยืมมา ไม่กี่ปีมานี้เพราะสภาพร่างกายที่อ่อนแอ ผมจึงเริ่มให้ความสำคัญกับอาหารการกิน” ผู้ป่วยเตียง 41 เป็นผู้ป่วยมะเร็งที่ตา ตอนที่เธอเพิ่งเริ่มเข้ารับการรักษานั้น ตาข้างซ้ายบวมจนแทบจะลืมไม่ขึ้น แต่ว่าตอนนี้ดูจะค่อนข้างปกติแล้ว ล่ามยังได้บอกอีกว่าคุณอินทร์มักจะให้กำลังใจผู้ป่วยคนไทยที่อยู่ชั้นเดียวกัน แชร์ประสบการณ์การต่อสู้กับโรคมะเร็งให้กับทุกคนฟัง “เมื่อป่วยแล้วก็อย่าเครียดมาก ต้องมองโลกในแง่ดี ไม่ว่ายังไงก็ต้องเข้ารับการรักษาก่อน ไม่ควรยอมแพ้ต่อโชคชะตา” คุณอินทร์กล่าว “ถ้าหากรู้จักโรงพยาบาลนี้ตั้งแต่แรก ผมต้องรีบมารักษาอย่างแน่นอน”
ความหวังสูงสุดของคุณอินทร์ในตอนนี้ก็คือ การรักษามะเร็งให้หายโดยเร็ว เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ และถามฉันว่า “ที่นี่มีตลาดขายส่งเครื่องนอนที่ไหนบ้าง?”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถค้นหาได้ที่เว็บไซต์โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว www.moderncancerthai.com หรือสอบถามทางโทรศัพท์ 0-2645-2799, 08-2799-2888
ที่มาจาก : http://www.moderncancerthai.com/about-news/modern-hospital-dynamics/3631.html
สอบถามทางออนไลน์ : http://pkt.zoosnet.net/LR/Chatpre.aspx?id=PKT61578646&lng=en
ลิ้งค์ช่อง5 : http://www.moderncancerthai.com/multimedia-center/video/3626.html