อธิบดีกรมศิลป์ พบเศียรพระพุทธรูปอายุกว่า 100 ปี หักโค่น ยอดองค์พระธาตุวัดพระธาตุจอมหมอกแก้ว หัก จ่อของบฉุกเฉินบูรณะ ล้อมคอกติดตั้งเครื่องเตือนภัยโบราณสถานทั่วประเทศ
นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวภายหลังลงพื้นที่แผ่นดินไหวเพื่อตรวจความเสียหายโบราณสถานในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ว่า ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากแรงแกว่งไหว ส่งผลทำให้ส่วนยอดฉัตรเอียงเท่านั้น ที่น่าเป็นห่วง คือโบราณสถานที่ จ.เชียงราย ได้รับความเสียหายมาก โดยเฉพาะที่วัดดงมะดะ และ วัดอูปแก้ว อ.แม่ลาว พบว่า เศียรพระพุทธรูปประธานเก่าแก่มีอายุมากกว่า 100 ปี หักโค่นลงมาแตกเป็นชิ้นส่วน อีกทั้งเกิดรอยร้าวที่ศาลาบาตรเก่าแก่เป็นแนวยาว นอกจากนี้ ที่วัดพระธาตุจอมหมอกแก้ว ก็มีความเสียหายหนักถึงขั้นยอดองค์พระธาตุหักจนฉัตรพัง ขณะที่ ใน อ.เชียงแสน นั้น โบราณสถานสำคัญที่เป็นที่เคารพของชาวบ้านเสียหาย ได้แก่ พระธาตุวัดเจดีย์หลวง และ พระธาตุจอมกิตติ ซึ่งขณะนี้ตนได้สั่งการให้ สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ รวบรวมข้อมูล พร้อมบันทึกความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อนำมาจัดทำกรอบงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรี โดยในเบื้องต้นอาจจะนำงบประมาณฉุกเฉิน มาใช้ดำเนินการบูรณะเร่งด่วนก่อน เพราะหากปล่อยไว้ โบราณสถานหลายแห่งมีความเสียงสูงที่จะเกิดการทรุดตัวลงได้ เพราะขณะนี้ยังมีแรงสั่นสะเทือนอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตนยังสั่งการให้ สำนักศิลปากรที่อยู่ในพื้นที่ความเสี่ยง สำรวจความเสียหายของโบราณสถานและวัดอื่นๆ พร้อมประสานงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อเข้ามาร่วมกันหารือในแผนการบูรณะ ในส่วนโดยกรมศิลปากรพร้อมที่จะให้องค์ความรู้ในการบูรณะ ส่วน พศ. และ อปท. ก็จะต้องเข้ามาช่วยพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญรวมถึงสนับสนุนงบประมาณเพื่อใช้ในการบูรณะร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม ตนยังได้สั่งการให้สำนักสถาปัตยกรรม จัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการโบราณสถานที่อาจจะเกิดจากอุบัติภัย โดยเฉพาะการจัดสร้างเครื่องเตือนภัยติดตั้งบริเวณโบราณสถาน ทั้งที่เกิดจากแรงสั่งสะเทือน น้ำท่วม อัคคีภัย เพื่อรองรับการเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับโบราณสถานทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการ 2 ปี
