ศิริราชจัดงบ 60 ล้านบาท ช่วยรักษาผู้ป่วยด้อยโอกาสฟรี ในส่วนที่เบิกไม่ได้ตามสิทธิ ในกลุ่มโรคจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการรักษา เป็นระยะเวลา 1 ปี ถวายเป็นพระราชกุศลวโรกาสครบ 60 พรรษา “สมเด็จพระเทพฯ”
วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.45 น. ที่โรงพยาบาลศิริราช ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าว “ศิริราชเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ว่า รพ.ศิริราชได้ทำการรักษาผู้ป่วยมายาวนานถึง 126 ปี มีการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความเชี่ยวชาญในการรักษา ทำให้ รพ.ศิริราช ได้รับการยอมรับ เชื่อถือ และไว้วางใจจากผู้ป่วยทั่วประเทศ จนได้ชื่อว่าเป็นโรงพยาบาลของแผ่นดิน คือประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยตลอดปีมีผู้ป่วยนอกมารับบริการถึง 3 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 9 พันคน และผู้ป่วยในปีละ 9 หมื่นคน และในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษาในปี 2558 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและศิริราชมูลนิธิ จึงจัดตั้งโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 60 พรรษา การรักษาผู้ป่วยด้อยโอกาสที่มีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เทคโนโลยีสูง ปี พ.ศ. 2557-2558 เป็นจำนวนเงิน 60 ล้านบาท โดยเป็นเงินจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจำนวน 30 ล้านบาท และศิริราชมูลนิธิอีก 30 ล้านบาท เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน ในฐานะองค์ประธานศิริราชมูลนิธิ โดยมีกำหนดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2557-2558
ผศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผอ.รพ.ศิริราช กล่าวว่า การเลือกผู้ป่วยเข้าโครงการจะต้องเป็นผู้ป่วยในกลุ่มโรคที่จำเป็นต้องรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นสูง มีค่าใช้จ่ายสูง ประชาชนทั่วไปเข้าถึงยาก ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากสิทธิการรักษาทั้งสามกองทุนคือ สิทธิสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไม่ครอบคลุมในการเบิกจ่าย เช่น การปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งค่าใช้จ่ายอยู่ที่หลักล้านบาท การผ่าตัดมะเร็งกระดูกบริเวณหัวเข่าและบูรณะกระดูกด้วยข้อเทียมชนิดพิเศษ ราคาประมาณ 3 แสนบาท การผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมประมาณ 1 ล้านบาท การสลายต้อกระจกด้วยเลเซอร์ การใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวน การผ่าตัดรักษาโรคพาร์กินสันด้วยการฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เป็นต้น โดยผู้ป่วยที่จะเข้าโครงการคือผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่ รพ.ศิริราช โดยมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์จากแพทย์ผู้รักษาว่าจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการรักษา ซึ่งแพทย์จะมีการให้ข้อมูลก่อนแล้วว่าการรักษาแบบใดสามารถเบิกได้และเบิกไม่ได้ โดยจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการแพทย์พิจารณาผู้ป่วย และมีการประเมินจากนักสังคมสงเคราะห์ รพ.ศิริราช ว่าเป็นผู้ป่วยด้อยโอกาสจริง จึงจะเข้าสู่โครงการ โดยการใช้วงเงิน 60 ล้านบาทนี้ จะจ่ายเฉพาะค่ารักษาที่ผู้ป่วยเบิกตามสิทธิไม่ได้
ผศ.นพ.วิศิษฎ์ กล่าวอีกว่า โครงการนี้เริ่มต้นไปแล้วเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2557 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ท่าน โดยจะดำเนินการจนถึงปี 2558 เป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งขณะมีผู้ป่วยเข้าโครงการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมแล้ว 1 ราย ทั้งนี้ โครงการไม่ได้จำกัดจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้าร่วม แต่อยู่ที่การพิจารณาว่าผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการรักษาหรือไม่ ด้อยโอกาสจริงหรือไม่ ซึ่งแต่ละโรคก็มีค่าใช้จ่ายต่างกัน อย่างไรก็ตาม แม้วงเงิน 60 ล้านบาทจะใช้จนหมดก่อนจบโครงการ แต่ทางศิริราชมูลนิธิเห็นว่าจะดำเนินโครงการต่อจนครบ 1 ปีในวันคล้ายวันพระราชสมภพปี 2558
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมบริจาคเงินสมทบทุน “60 พรรษา สยามบรมราชกุมารี” เพื่อทูลเกล้าฯถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์ต่อไป โดยผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคได้ที่ ศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 1 รพ.ศิริราช ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.30-17.30 น. วันหยุดราชการ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-16.30 น. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช ธนาคารกรุงเทพ สาขาโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ธนาคารทหารไทย สาขาศิริราช ธนาคารธนชาต สาขาศิริราช ธนาคารออมสิน สาขาศิริราช ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาอรุณอมรินทร์ ชื่อบัญชี “ศิริราชมูลนิธิ 60 พรรษา สยามบรมราชกุมารี” หรือสั่งจ่ายเป็นเช็คหรือธนาณัติในนามศิริราชมูลนิธิ 2 ถ.วังหลัง บางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โดยผู้บริจาค 5 แสนบาทขึ้นไป จะได้รับเข็มพระราชทานเข็มกลัดพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทองคำ ด้านหลังสลักพระราชทาน 60 พรรษา สำหรับผู้บรจาค 5 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับเข็มกลัดพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทองคำฝังเพชรด้านหลังสลักพระราชทาน 60 พรรษา
