เมืองไทยของเราขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองรัอน เวลามีคนต่างชาติถามว่าเมืองไทยมีกี่ฤดู เรามักจะมีคำตอบที่ติดตลกว่ามี 3 ฤดู คือ “hot, hotter, hottest” โดยเฉพาะช่วงนี้ซึ่งตรงกับฤดูร้อนของเมืองไทย (กลางเดือน ก.พ.-กลางเดือน พ.ค.) อากาศจะร้อนมากเป็นพิเศษ ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่ามีหลายคนที่ไม่ชอบอากาศร้อนหรือความร้อน เพราะความร้อนทำให้ไม่สบายตัว มีเหงื่อไหลทำให้รู้สึกเหนียวตัวเหนอะหนะ แต่อย่างไรก็ตาม รู้หรือไม่ว่าความร้อนก็ยังมีข้อดีและมีประโยชน์ด้วย ดังนี้
- ความร้อนป้องกันโรค แน่นอนว่าในช่วงฤดูร้อนจะมีแสงอาทิตย์หรือแสงแดดแรง ซึ่งการที่เราอยู่กลางแดดนานๆ จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณ ไม่ว่าจะทำให้ผิวดำ การเกิดฝ้า และโรคผิวหนังต่างๆ ไปจนถึงการเกิดเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ แต่ถ้าเรามีความระมัดระวังและรู้จักการรับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสมก็จะก่อให้เกิดประโยชน์กับร่างกายของเราได้ โดยมีผลงานวิจัยของสถาบันวิจัยมะเร็งของอังกฤษ รายงานว่า แสงแดดซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินดีช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน อีกทั้งวิตามินดีในแดดยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งเต้านมอีกด้วย นอกจากนี้ การให้เด็กๆ ได้มีช่วงเวลาเล่นกลางแจ้งในที่ๆมีแสงแดดอ่อนๆ จะทำใหัเด็กๆ มีกระดูกที่แข็งแรงและไม่เป็นโรคกระดูกอ่อน
นอกจากนี้ มีการศึกษาพบว่า แสงอาทิตย์สามารถฆ่าเชื้ออุปกรณ์ผ่าตัดได้ นายดักลาส เอ. ชูเลอร์ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวไว้ในนิตยสาร The American Journal of Tropical Medicine and Hygiene ว่า ในคลินิกชนบทที่ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า การใช้เตาพลังงานแสงอาทิตย์สามารถใช้ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความรัอนบำบัด หรือการอบสมุนไพรเป็นการล้างพิษที่ได้รับการยอมรับมาแต่ครั้งสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ว่าเป็นการช่วยบำบัดรักษาและฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างดี โดยการช่วยล้างพิษออกทางเหงื่อ จากการนำสมุนไพรหลายๆ ชนิดมาผสมแล้วต้มรวมกันในน้ำจนเดือด เพื่อปล่อยให้ไอน้ำร้อนระเหยออกมา เข้าสู่ผิวหนังของผู้อบสมุนไพร ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่าและมีการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
- ความร้อนรักษาหวัด เมื่อรู้สึกไม่สบายตัว มีอาการหวัด การดื่มน้ำร้อนจะช่วยทำให้หายใจสะดวกขึ้นและช่วยลดเสมหะและน้ำมูกได้ ความร้อนจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายและกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ ควรเช็ดตัวผู้ที่ป่วยเป็นหวัดด้วยน้ำอุ่น เพื่อข่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี อีกทั้งการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารร้อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก จะช่วยทำให้หายไข้ได้เช่นเดียวกัน
- ความร้อนรักษาอาการปวดเมื่อย อาการปวดเมื่อยตามตัวมักเกิดจากการที่กล้ามเนื้อตึงจนเกินไป การอาบน้ำอุ่นหรือนอนแช่ในอ่างน้ำอุ่นจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงผ่อนคลายลงได้ หรือการใช้ถุงน้ำร้อนประคบตามร่างกายก็สามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ ผู้เขียนก็เคยมีปัญหาในการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก ทั้งทายาและทั้งกินยาคลายกล้ามเนื้อก็แล้วก็ยังไม่หายปวดเมื่อยสักที จนมีคนแนะนำว่าให้ลองไปนวดโดยใช้ลูกประคบร้อนดูอาจจะช่วยได้ ก็เลยลองไปทำดูแล้วก็พบว่า การประคบร้อนช่วยทำให้มีอาการปวดเมื่อยน้อยลงจนหายขาดในที่สุด จึงเห็นว่าการประคบกล้ามเนื้อด้วยความร้อนสามารถช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยได้จริงๆ
นอกจากนี้ การเข้าห้องอบซาวน่าหรือห้องอบไอน้ำ ก็สามารถช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ส่วนผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือน หากใชัถุงร้อนประคบบริเวณท้องน้อย ก็จะช่วยบำบัดรักษาอาการปวดประจำเดือนได้
จะเห็นได้ว่าแม้หลายๆคนจะไม่ชอบความร้อนเอาเสียเลยและพยายามหลีกเลี่ยงความร้อนอยู่เสมอ แต่เมื่อเราได้เรียนรู้ว่าความร้อนนั้นก็เป็นสิ่งดีแล้วเรารู้จักนำมาใช้ ก็จะสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์เราได้อย่างมากมายมหาศาลเลยทีเดียว
- ความร้อนป้องกันโรค แน่นอนว่าในช่วงฤดูร้อนจะมีแสงอาทิตย์หรือแสงแดดแรง ซึ่งการที่เราอยู่กลางแดดนานๆ จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณ ไม่ว่าจะทำให้ผิวดำ การเกิดฝ้า และโรคผิวหนังต่างๆ ไปจนถึงการเกิดเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ แต่ถ้าเรามีความระมัดระวังและรู้จักการรับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสมก็จะก่อให้เกิดประโยชน์กับร่างกายของเราได้ โดยมีผลงานวิจัยของสถาบันวิจัยมะเร็งของอังกฤษ รายงานว่า แสงแดดซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินดีช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน อีกทั้งวิตามินดีในแดดยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งเต้านมอีกด้วย นอกจากนี้ การให้เด็กๆ ได้มีช่วงเวลาเล่นกลางแจ้งในที่ๆมีแสงแดดอ่อนๆ จะทำใหัเด็กๆ มีกระดูกที่แข็งแรงและไม่เป็นโรคกระดูกอ่อน
นอกจากนี้ มีการศึกษาพบว่า แสงอาทิตย์สามารถฆ่าเชื้ออุปกรณ์ผ่าตัดได้ นายดักลาส เอ. ชูเลอร์ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวไว้ในนิตยสาร The American Journal of Tropical Medicine and Hygiene ว่า ในคลินิกชนบทที่ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า การใช้เตาพลังงานแสงอาทิตย์สามารถใช้ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความรัอนบำบัด หรือการอบสมุนไพรเป็นการล้างพิษที่ได้รับการยอมรับมาแต่ครั้งสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ว่าเป็นการช่วยบำบัดรักษาและฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างดี โดยการช่วยล้างพิษออกทางเหงื่อ จากการนำสมุนไพรหลายๆ ชนิดมาผสมแล้วต้มรวมกันในน้ำจนเดือด เพื่อปล่อยให้ไอน้ำร้อนระเหยออกมา เข้าสู่ผิวหนังของผู้อบสมุนไพร ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่าและมีการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
- ความร้อนรักษาหวัด เมื่อรู้สึกไม่สบายตัว มีอาการหวัด การดื่มน้ำร้อนจะช่วยทำให้หายใจสะดวกขึ้นและช่วยลดเสมหะและน้ำมูกได้ ความร้อนจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายและกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ ควรเช็ดตัวผู้ที่ป่วยเป็นหวัดด้วยน้ำอุ่น เพื่อข่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี อีกทั้งการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารร้อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก จะช่วยทำให้หายไข้ได้เช่นเดียวกัน
- ความร้อนรักษาอาการปวดเมื่อย อาการปวดเมื่อยตามตัวมักเกิดจากการที่กล้ามเนื้อตึงจนเกินไป การอาบน้ำอุ่นหรือนอนแช่ในอ่างน้ำอุ่นจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงผ่อนคลายลงได้ หรือการใช้ถุงน้ำร้อนประคบตามร่างกายก็สามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ ผู้เขียนก็เคยมีปัญหาในการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก ทั้งทายาและทั้งกินยาคลายกล้ามเนื้อก็แล้วก็ยังไม่หายปวดเมื่อยสักที จนมีคนแนะนำว่าให้ลองไปนวดโดยใช้ลูกประคบร้อนดูอาจจะช่วยได้ ก็เลยลองไปทำดูแล้วก็พบว่า การประคบร้อนช่วยทำให้มีอาการปวดเมื่อยน้อยลงจนหายขาดในที่สุด จึงเห็นว่าการประคบกล้ามเนื้อด้วยความร้อนสามารถช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยได้จริงๆ
นอกจากนี้ การเข้าห้องอบซาวน่าหรือห้องอบไอน้ำ ก็สามารถช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ส่วนผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือน หากใชัถุงร้อนประคบบริเวณท้องน้อย ก็จะช่วยบำบัดรักษาอาการปวดประจำเดือนได้
จะเห็นได้ว่าแม้หลายๆคนจะไม่ชอบความร้อนเอาเสียเลยและพยายามหลีกเลี่ยงความร้อนอยู่เสมอ แต่เมื่อเราได้เรียนรู้ว่าความร้อนนั้นก็เป็นสิ่งดีแล้วเรารู้จักนำมาใช้ ก็จะสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์เราได้อย่างมากมายมหาศาลเลยทีเดียว