xs
xsm
sm
md
lg

เผยตัวเลขปัญหาพฤติกรรมเด็ก 5 เดือน สูงกว่า 3 หมื่นราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์เฉพาะกิจฯ สพฐ. เผยตัวเลขปัญหาพฤติกรรมเด็ก 5 เดือน พุ่งสูง 3 หมื่นกว่าราย สลด! พบกรณี ป.5 ข่มขืนอนุบาล เหตุครอบครัวยากจน เสพสื่อผิดๆ จนเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ห่วงกลุ่มเด็กภาวะจิตเวชถูกทำร้ายสูงสุด เกือบ 2 หมื่นเดินหน้าสแกนปัญหาทุกพื้นที่หวังแก้จริงจัง

นายธีร์ ภวังคนันท์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน (ฉก.ชน.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยว่า ศูนย์เฉพาะกิจฯ เริ่มดำเนินการตรวจสอบและช่วยแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กนักเรียน มาตั้งแต่ พ.ศ. 2555 ซึ่งพบว่า เด็กนักเรียนมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเพิ่มมากขึ้น สาเหตุหลักเพราะสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะสื่อต่างๆ ที่เปิดกว้างมากขึ้น มีการเผยแพร่โฆษณาที่ไม่เหมาะสม ล่อใจให้เด็กไปทำในสิ่งที่ผิด โดยล่าสุด ศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้สรุปตัวเลขการดำเนินการคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน ระหว่างเดือนตุลาคม 2556 - กุมภาพันธ์ 2557 พบเหตุหลักๆ ที่เกี่ยวกับเด็กนักเรียน 4 กรณี รวม 30,222 ราย ดังนี้ 1. กรณีล่วงละเมิดทางเพศ รวม 117 ราย แบ่งเป็นระหว่างเด็กกับเด็ก 83 ราย ครู/บุคลากรทางการศึกษากับเด็ก 1 ราย บุคคลอื่นกับเด็ก 27 ราย อื่นๆ 6 ราย 2. กรณีความรุนแรงรวม 475 ราย แบ่งเป็นระหว่างเด็กกับเด็ก 416 ราย ครู/บุคลากรทางการศึกษากับเด็ก 10 ราย บุคคลอื่นกับเด็ก 50 ราย กรณีฆ่าตัวตายทำร้ายตัวเอง 5 ราย อื่นๆ 4 ราย 3. กรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการศึกษา รวม 7,299 ราย แบ่งเป็นถูกให้ออกจากสถานศึกษา 7 ราย เก็บค่าใช้จ่ายไม่เหมาะสม 3 ราย ขาดโอกาสทางการศึกษา (ยากจน/ขาดผู้อุปการะ) 6,787 ราย อื่นๆ 503 ราย และ 4. กรณีอื่นๆ รวม 22,334 ราย แบ่งเป็นท้องไม่พร้อม (สมยอม) 108 ราย ท้องไม่พร้อม (ถูกละเมิด) 3 ราย ได้รับความรุนแรงจากภาวะจิตเวช (สมาธิสั้น/LD/ออทิสติก) 19,976 ราย พฤติกรรมไม่เหมาะสม 2,072 ราย เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 55 ราย เสียชีวิตจากการจมน้ำ 21 ราย และอื่นๆ 139 ราย

ทั้งนี้ จากตัวเลขจะเห็นได้ว่า ปัญหาเด็กได้รับความรุนแรงจากภาวะจิตเวช จะมีสถิติสูงสุด ถึง 19,976 คน โดยปัจจุบันพบว่ามีเด็กที่มีภาวะจิตเวชเรียนร่วมกับเด็กปกติทั่วไปถึง 20% ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งเด็กเหล่านี้ หากดูภายนอกไม่ได้มีความแตกต่างจากเด็กทั่วไป แต่อาจจะสมาธิสั้น ขี้ตกใจ และควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ดังนั้นหากเจอสถานการณ์ที่คับขัน ส่วนใหญ่จะไม่สามารถมารถควบคุมตัวเองได้ จึงมักถูกทำร้าย ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวจะเกิดขึ้นบ่อยมาก ดังนั้น การสร้างความเข้าใจถึงภาวะของเด็กเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ ขณะเดียวกันจากการลงพื้นที่ ยังพบว่า ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าห่วงเช่นกัน แม้ตัวเลขที่สำรวจมาจะมีไม่มาก แต่เชื่อว่าปัญหาลักษณะนี้ยังถูกซ่อนอยู่ใต้พรมอีกจำนวนมาก เพราะส่วนใหญ่ยังเห็นว่าเป็นเรื่องน่าอาย ไม่อยากเปิดเผย จึงแก้ปัญหากันเอง และส่วนใหญ่จะแก้ปัญหากันเฉพาะหน้าเท่านั้น เช่น ย้ายโรงเรียนเพื่อแยกเด็กออกจากกัน หรือส่งฝ่ายที่กระทำไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งที่ความจริงเรื่องเหล่านี้ ต้องมองว่าเด็กเป็นผู้ถูกกระทำทั้งสองฝ่าย อาทิ กรณีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ข่มขืนเด็กอนุบาล โดยเด็กหญิงมีการขัดขืน แต่เด็กผู้ชายใช้วิธีชกท้อง ทางศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้รับแจ้งเรื่องหลังเหตุการณ์ผ่านไป 4 เดือนแล้ว คดีจึงถูกนำขึ้นสู่ศาล เด็กผู้ชายจะถูกบันทึกลงในประวัติอาชญากรรมไปแล้วว่าเคยก่อคดีข่มขืน อย่างไรก็ตาม เมื่อลงไปดูปัญหารอบด้านจริงๆ พบว่า เด็กผู้ชายอยู่กับยาย ฐานะยากจนเลยไม่มีเวลาดูแลหลาน ตกเย็นเด็กจึงเดินไปดูทีวีบ้านข้างๆ ซึ่งชอบเปิดดูหนังโป๊ เด็กจึงเกิดการซึมซับและเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งเด็กทั้งสองคนเป็นเหยื่อและเบื้องต้นทางศูนย์จึงเขาไปประสานโดยเด็กผู้ชาย เนื่องจากมีประวัติก่อคดีแล้วจึงต้องเปลี่ยนรูปแบบให้เขาไปเรียนในสายอาชีพเพื่อโตขึ้นจะได้มีงานทำ ส่วนเด็กผู้หญิง นอกจากหาโรงเรียนให้ใหม่แล้ว ยังประสานโรงพยาบาล ดูแลในสภาพจิตใจ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต โดยทั้งหมดทาง สพฐ. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขออนุโลมไม่ให้คิดค่าใช้จ่าย จนกว่าเด็กจะจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน และดูแลไปถึงการทำความเข้าใจกับครอบครัวทั้งสองฝ่ายด้วย

“ขณะนี้ สพฐ. เดินหน้าสแกนปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะนายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเป็นอย่างมาก และได้ย้ำอยู่เสมอหากปัญหาเกิดขึ้นในโรงเรียน แล้วผู้บริหารทำไม่รู้ไม่เห็น ไม่ดูแล ไล่ออกทันที ถือว่าเอาจริงเอาจังมาก เพราะอยากดึงปัญหาขึ้นมาอยู่บนพรม จะได้แก้ไขได้อย่างถูกทางและที่สำคัญต้องไม่ให้เด็กเหล่านี้หลุดออกจากระบบการศึกษา โดยปัจจุบัน ศูนย์เฉพาะกิจฯ มีลูกศูนย์กระจายอยู่ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศแล้ว ซึ่งหากมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นในโรงเรียน ผู้ปกครอง หรือคนทั่วไปสามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่เขตพื้นที่ฯทันที หรือสามารถแจ้งมาได้ที่ส่วนกลาง หมายเลข 0-2288-5599” นายธีร์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น