โดย...สุกัญญา แสงงาม
ภาพเบื้องหน้าเยาวชนกำลังโยนต้นกล้า บางก็ขะมักเขม้นดำนา โยนข้าวเปลือกลงผืนนา นี่คือหนึ่งในกิจกรรมค่ายเยาวชนสมานฉันท์ ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับองค์กรศาสนา 5 ศาสนา พุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ นำเยาวชนกว่า 300 ชีวิตมาทำกิจกรรมร่วมกัน ที่พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ เรียนรู้และยอมรับความแตกต่างของแต่ละศาสนา ที่สำคัญสามารถนำหลักธรรมทางศาสนา และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ศราวุฒิ ศิริประโคน หรือ แอน ตัวแทนจากโรงเรียนอิสลามสันติชน เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ผมประทับใจคำพูดของวิทยากรบอกว่า ถ้าพวกเรารวมพลังกันกำข้าวคนละกำมือโปรยลงไปในพื้นนา ใช้เวลาเพียง 3-4 วินาทีเท่านั้น นี่คือวิธีการปลูกข้าวแบบธรรมชาติอย่างหนึ่ง ผมหว่านข้าวไปหลายกำมือเหมือนกันแล้วอีก 2-3 เดือน ผมและเพื่อนๆ ต่างศาสนาได้นัดแนะกันว่าจะกลับไปดูข้าวออกรวงเต็มท้องทุ่งนา พร้อมกันนี้ตั้งใจจะไปขอคำปรึกษาจากวิทยากรที่พิพิธภัณฑ์ฯ เกี่ยวกับการปลูกข้าวโดยใช้กระถางต้นไม้ หรือพื้นที่น้อยจะปลูกข้าวได้อย่างไร
“ส่วนตัวชอบค่ายครั้งนี้ ชอบที่นำเยาวชนวัยเดียวกันเพียงแต่ต่างศาสนามาใช้ชีวิตร่วมกัน พวกเราแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านศาสนาของกันและกัน อย่างความเชื่อศาสนาพุทธเกี่ยวกับเวรกรรม การละหมาด ทำไมซิกข์ต้องโพกผ้า อย่างไรก็ดี พวกเราเชื่อว่าศาสนาทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดีของพ่อแม่ สังคม และประเทศชาติ” ศราวุฒิ บอกว่า ผมเรียนจบ ม.6 อาจไม่ได้กลับไปเล่าความประทับใจในกิจกรรมค่ายด้วยตัวเอง แต่ไม่ต้องกังวลยังมีประธานนักเรียนของโรงเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้จะกลับไปถ่ายทอดเรื่องดีๆ ที่ได้ในกิจกรรมให้เพื่อนนักเรียนได้ฟัง แล้วอยากให้นำเยาวชนต่างศาสนาเข้าร่วมกิจกิจกรรมดีๆ อย่างนี้บ่อยๆ จะได้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ รวิวรรณ กิจฉลอง หรือฝ้าย ตัวแทนเยาวชนของศาสนาคริสต์ จากโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา บอกว่า ดีใจมากที่ได้เข้าค่ายครั้งนี้ มีโอกาสพบกับเพื่อนใหม่ๆ ที่มาจากต่างศาสนา แต่พวกเราสามารถอยู่ร่วมกันได้ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีและไม่มีเส้นแบ่งซึ่งกันและกัน แล้วการได้อยู่ร่วมกันทำให้เข้าใจว่าแต่ละศาสนาเป็นอย่างไร เช่น ศาสนาซิกข์ ทำไมผู้ชายต้องโพกผ้าไว้ที่หัว ห้ามโกนหนวด หรือห้ามตัดผม นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาพึงพอใจในสิ่งที่พระเจ้าของเขาได้ประทานมา
เมื่อถามว่ากิจกรรมไหนประทับใจมากที่สุด ฝ้ายตอบพร้อมยื่นสองมือมาข้างหน้า ปากก็พูดว่า ใช้สองมือปลูกข้าวกลางแสงแดด ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต สัมผัสได้ถึงความร้อน เหน็ดเหนื่อยของชาวนา จึงตั้งใจว่าจะทานข้าวให้หมด จะใช้จ่ายอย่างประหยัดและอดออม
ด้าน วราทิพ สุระ หรือ ทิพย์ ตัวแทนเยาวชนศาสนาซิกข์ - นามธารี จากโรงเรียนโมเดอร์น อินเตอร์แนชแนล บอกว่า หนูได้ดำนาเป็นครั้งแรก และไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นมาก แต่พอลงมือทำจริงๆก็เกิดความสนุกสนาน มีความสุข เพื่อนๆทุกคนก็มีความสุขที่ได้ร่วมกันทำ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้วิธีการเพาะเห็ด เพาะปลูกผักต่างๆ
นอกจากเข้าใจวิถีของแต่ละศาสนาด้วยว่าทุกศาสนาเชื่ออยู่แล้วว่าพระเจ้ามีองค์เดียว แต่หลักปฏิบัติอาจมีความแตกต่างกันไป ซึ่งเราสามารถอยู่ร่วมกันได้ เป็นเพื่อนกันได้ แม้ว่ากิจกรรมค่ายจบไปแล้วก็ตาม แต่มิตรภาพของพวกเรายังเหนียวแน่น ยังติดต่อพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เชื่อว่ามิตรภาพของพวกเราจะยั่งยืนตลอดไป
