xs
xsm
sm
md
lg

ครอบครัวไทยหย่าร้างเพิ่ม 27% แนะอย่ากันซีนอีกฝ่ายดูแลลูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ. เผยครอบครัวไทยหย่าร้างเพิ่มขึ้น 27% กลายเป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเพิ่มมากขึ้น ชี้ส่งผลกระทบกับลูก หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลี้ยงลูกเป็นหลักแล้วกันซีนอีกฝ่ายไม่ให้ยุ่งกับลูก ย้ำผู้ใหญ่แม้ยุติบทบาทสามีภรรยา แต่ลูกยังต้องการพ่อแม่ แนะ 2 วิธีถนอมชีวิตคู่ เน้นเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 14 เม.ย. ทุกปี เป็นวันครอบครัว ซึ่งถือเป็นสถาบันที่มีความสำคัญมากคือ เป็นหน่วยดูแลสมาชิกในครอบครัวทุกๆ ด้าน ให้มีความมั่นคงและเข้มแข็งในปัจจุบัน เช่น ที่อยู่อาศัย เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ ปัจจัยพื้นฐาน การศึกษา สุขภาพ และทำหน้าที่อบรมเลี้ยงดู กล่อมเกลา พัฒนาคนรุ่นถัดไป หากครอบครัวทำหน้าที่ได้อย่างมีคุณภาพก็จะได้คนรุ่นถัดไปที่มีคุณภาพ ซึ่งจากการติดตามวิเคราะห์ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เกี่ยวกับการจดทะเบียนเพื่อใช้ชีวิตคู่ตามกฎหมาย และการหย่าขาดสิ้นสุดการใช้ชีวิตคู่พบว่า อยู่ในเกณฑ์น่าห่วง สะท้อนถึงความเปราะบางของครอบครัวคนรุ่นใหม่

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ในปี 2555 มีผู้จดทะเบียนสมรสใหม่ทั่วประเทศ 314,338 คู่ มีคู่สมรสเก่าจดทะเบียนหย่า 111,377 คู่ คิดเป็นร้อยละ 35 ของคู่ที่จดทะเบียนใหม่ โดยการจดทะเบียนหย่าเพิ่มสูงกว่าช่วง 9 ปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 27 โดยในปี 2546 มีผู้จดทะเบียนสมรส 328,356 คู่ แต่มีคู่สมรสเก่า จดทะเบียนหย่า 80,836 คู่

“ปัจจัยพื้นฐานที่เป็นสาเหตุการหย่าร้าง 1. มาจากผลกระทบความมั่นคงในครอบครัว พบว่า ขณะนี้สมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวใหม่ และครอบครัวเดี่ยว คือมีพ่อ แม่ ลูก ได้รับแรงกดดันมาจากการใช้ชีวิตภายนอกครอบครัว โดยเฉพาะความตึงเครียดจากสภาพการทำงานมีมากขึ้น พอกลับมาสู่ครอบครัวต่างมีความตึงเครียดกลับเข้ามาด้วย จึงมีผลกระทบในเรื่องความขัดแย้งมากขึ้น หากแก้ไขความขัดแย้งไม่ได้ก็จะนำไปสู่ทะเลาะเบาะแว้ง และยุติการใช้ชีวิตครอบครัว และ 2. มาจากปัจจัยเชิงค่านิยม ต่างฝ่ายต่างพึ่งพาตนเองได้ มีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเอง อาจจะเริ่มรู้สึกว่าไม่ต้องพึ่งอีกคนก็ได้ ความอดทนจึงมีน้อยลง คิดว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งชีวิตคู่” โฆษก สธ. กล่าว

พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า ผลหลังจากหย่าร้างจะพบว่ามีการเลี้ยงดูลูกด้วยตนเองเพียงลำพัง หรือเรียกว่าครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้การยุติบทบาทสามีภรรยาเป็นการตัดสินใจของทั้งสองคนจะสิ้นสุดลง แต่ยังต้องคงบทบาทความเป็นพ่อแม่ของลูกคงเดิม เนื่องจากพื้นฐานลูกยังคงต้องมีพ่อและแม่เสมอและตลอดไป ไม่ว่าความเป็นสามีภรรยาจะยังคงอยู่หรือไม่ก็ตาม ในปัจจุบันเด็กจะเริ่มเข้าใจ การไม่อยู่ร่วมกันของพ่อแม่ แต่เด็กหวังว่าจะได้รับการดูแลจากทั้งพ่อและแม่ แต่รูปแบบอาจต่างไปจากเดิม เช่น ลูกอยู่กับใครเป็นหลัก คนนั้นก็ทำหน้าที่หลักในการดูแลชีวิตประจำวันของลูก แต่อีกคนก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ เช่น พบปะลูกโดยสม่ำเสมอ มีกิจกรรมร่วมกันในโอกาสสำคัญ ซึ่งฝ่ายดูแลลูกเป็นหลักต้องเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหนึ่งสามารถทำอะไรให้กับลูก โดยความรับผิดชอบ ไม่ควรละทิ้งหน้าที่ ซึ่งจะช่วยให้เด็กได้รับความรักความอบอุ่น ไม่รู้สึกว่าถูกพ่อหรือแม่ทอดทิ้ง มีความมั่นคงจิตใจ

พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า การป้องกันการหย่าร้าง มีข้อแนะนำคือ 1. ต้องไม่ใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา เพราะจะสร้างความขัดแย้งมากขึ้น เรียกว่าให้เอาน้ำเย็นเข้าลูบ หรือใจเย็นๆ ไว้ก่อน และ 2. ยอมรับและรับผิดชอบในด้านบทบาท และหน้าที่ซึ่งกันและกัน ทั้งภายในครอบครัวและนอกบ้านอย่างเหมาะสม สมดุล รู้จักจัดการแก้ปัญหาโดยไม่ใช้อารมณ์เป็นหลัก


กำลังโหลดความคิดเห็น