เอ็นจีโอ อัดสำนักงานสลาก คาใจหวยล็อกเลขทะเบียนรถ “ยิ่งลักษณ์” ส.ว.ชี้ปรากฏการณ์เกินธรรมชาติ 7 ครั้ง ในรอบ 2 ปี เชื่อลดความน่าเชื่อถือ ปชช.หมดศรัทธา แนะผ่าตัดกิจการสลากครั้งใหญ่ หยุดขายเกินราคา ปฏิรูปสลากนำรายได้จัดสรรพัฒนาสังคม เด็กด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ
วันนี้ (18 มี.ค.) นายมณเฑียร บุญตัน ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการสลากในประเทศไทย วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออกเลขท้ายรางวัลที่หนึ่ง ซึ่งตรงกับทะเบียนรถนายกรัฐมนตรีระหว่างไปปฏิบัติภารกิจ ว่าจากปรากฏการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกิดขึ้นมากถึง 7 ครั้งในรอบ 2 ปี สำนักงานสลากฯต้องอธิบายต่อสังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้เคลียร์ ไม่ใช่ส่งเสริมให้คนงมงายมองว่าเป็นเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ สร้างความหวังให้กับคนเสี่ยงโชค สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นส่งเสริมให้คนหันมาเล่นการพนัน เกิดการทุ่มซื้อ ลดการทำมาหากิน
“สิ่งที่สำนักงานสลากทำอยู่ไม่ได้สร้างความนิยม หรือส่งผลดีกับตัวบุคคล แต่จะทำให้สำนักงานสลากและรัฐบาลหมดศรัทธา หมดความน่าเชื่อถือ ยิ่งขณะนี้กำลังเผชิญมรสุมข้อกล่าวหาการทุจริต และในอดีตสังคมยังมองหน่วยงานนี้ว่าเป็นเครื่องมือรับใช้นักการเมือง ดังนั้นจึงถึงเวลาที่ต้องผ่าตัดกิจการสลากครั้งใหญ่ เพราะที่ผ่านมาคิดเองชงเองกินเอง โดยมีนักการเมืองยื่นมือกำกับตลอด และขอให้หยุดปรากฏการณ์พิเศษเกินธรรมชาติให้กับตัวบุคคลแบบนี้ เพราะรังแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ถูกทำลายลงไป”นายมณเฑียร กล่าว
นายมณเฑียร กล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับว่าการออกรางวัลสลากแต่ละครั้ง ยังไม่มีกระบวนการตรวจสอบที่เข้มแข็ง และเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากยังไม่รู้ที่มาที่ไปชัดเจน ดังนั้นภาคประชาชนจึงต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงผลักดันให้เกิดการปฏิรูปสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นสลากเพื่อสังคมนำเงินรายได้มาจัดตั้งกองทุนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีทั้งเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส หรือนำไปเข้ากองทุนส่งเสริมพัฒนาภาคประชาสังคม เพื่อส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยจากฐานราก สนับสนุนให้คนหวังพึ่งการเล่นพนันน้อยลง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการทำความเข้าใจต่อสาธารณะ สำหรับใครที่ต้องการมีส่วนร่วมสนับสนุนการปฏิรูปดังกล่าว สามารถเข้าไปกรอกข้อมูลได้ที่www.whitelotterry.com
นายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก กล่าวว่า แม้กองสลากหรือรัฐบาลพยายามอธิบายว่าขั้นตอนอุปกรณ์เป็นไปตามระบบสากล โปร่งใส ตรวจสอบได้ แต่คงฟังไม่ขึ้น เพราะจากกระแสวิจารณ์รวมถึงผลสำรวจเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เรื่อง “10 คำถามคนไทยคิดอย่างไรกับหวย” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,746 รายทั่วประเทศ พบว่า 70.5% เชื่อว่าหวยล็อกได้ และยังมองว่า 96.3% รายได้จากการขายสลากที่เข้ารัฐส่วนใหญ่มาจากเงินผู้ที่มีรายน้อยถึงปานกลาง และปัญหาที่คนไม่พอใจมากที่สุด คือ สลากแพง ตามด้วยการใช้สำนักงานสลาก เป็นแหล่งแสวงประโยชน์ของนักการเมือง
นายธนากร กล่าวว่า สำนักงานสลากไม่ควรเพิกเฉยต่อความรู้สึกของประชาชน และควรแสดงความจริงจังต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงองค์กรตนเอง โดยต้องยึดแนวทางปฏิรูปสลากใน 3 หลักใหญ่ๆ คือ 1.ทำให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้จริง ไม่เป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์ของนักการเมือง เพราะที่ผ่านมาประชาชนไม่มีสิทธิรับรู้ข้อมูลจากเงินรายได้ของสลาก 2.ยับยั้งการจำหน่ายสลากเกินราคา กล้าใช้ยาแรงไม่ให้ผลกระทบตกอยู่ที่ประชาชนและผู้ค้ารายย่อย 3.นำเงินมาพัฒนาสังคม เช่นเดียวกับแนวทางปฏิรูปกองสลากในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์ คือเงินที่ได้จากสลากจะไม่ถือว่าเป็นเงินรายได้ของรัฐ แต่ต้องนำเงินส่วนนี้ไปใช้ทำประโยชน์ ช่วยกลุ่มคนด้อยโอกาส กลุ่มคนเปราะบางในสังคม และที่สำคัญคือ สร้างความเข้มแข็งให้สังคม โดยรณรงค์ให้คนลดละเลิกการเล่นพนันหันมาพึ่งตนเองให้ได้มากที่สุด
วันนี้ (18 มี.ค.) นายมณเฑียร บุญตัน ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการสลากในประเทศไทย วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออกเลขท้ายรางวัลที่หนึ่ง ซึ่งตรงกับทะเบียนรถนายกรัฐมนตรีระหว่างไปปฏิบัติภารกิจ ว่าจากปรากฏการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกิดขึ้นมากถึง 7 ครั้งในรอบ 2 ปี สำนักงานสลากฯต้องอธิบายต่อสังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้เคลียร์ ไม่ใช่ส่งเสริมให้คนงมงายมองว่าเป็นเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ สร้างความหวังให้กับคนเสี่ยงโชค สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นส่งเสริมให้คนหันมาเล่นการพนัน เกิดการทุ่มซื้อ ลดการทำมาหากิน
“สิ่งที่สำนักงานสลากทำอยู่ไม่ได้สร้างความนิยม หรือส่งผลดีกับตัวบุคคล แต่จะทำให้สำนักงานสลากและรัฐบาลหมดศรัทธา หมดความน่าเชื่อถือ ยิ่งขณะนี้กำลังเผชิญมรสุมข้อกล่าวหาการทุจริต และในอดีตสังคมยังมองหน่วยงานนี้ว่าเป็นเครื่องมือรับใช้นักการเมือง ดังนั้นจึงถึงเวลาที่ต้องผ่าตัดกิจการสลากครั้งใหญ่ เพราะที่ผ่านมาคิดเองชงเองกินเอง โดยมีนักการเมืองยื่นมือกำกับตลอด และขอให้หยุดปรากฏการณ์พิเศษเกินธรรมชาติให้กับตัวบุคคลแบบนี้ เพราะรังแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ถูกทำลายลงไป”นายมณเฑียร กล่าว
นายมณเฑียร กล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับว่าการออกรางวัลสลากแต่ละครั้ง ยังไม่มีกระบวนการตรวจสอบที่เข้มแข็ง และเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากยังไม่รู้ที่มาที่ไปชัดเจน ดังนั้นภาคประชาชนจึงต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงผลักดันให้เกิดการปฏิรูปสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นสลากเพื่อสังคมนำเงินรายได้มาจัดตั้งกองทุนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีทั้งเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส หรือนำไปเข้ากองทุนส่งเสริมพัฒนาภาคประชาสังคม เพื่อส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยจากฐานราก สนับสนุนให้คนหวังพึ่งการเล่นพนันน้อยลง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการทำความเข้าใจต่อสาธารณะ สำหรับใครที่ต้องการมีส่วนร่วมสนับสนุนการปฏิรูปดังกล่าว สามารถเข้าไปกรอกข้อมูลได้ที่www.whitelotterry.com
นายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก กล่าวว่า แม้กองสลากหรือรัฐบาลพยายามอธิบายว่าขั้นตอนอุปกรณ์เป็นไปตามระบบสากล โปร่งใส ตรวจสอบได้ แต่คงฟังไม่ขึ้น เพราะจากกระแสวิจารณ์รวมถึงผลสำรวจเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เรื่อง “10 คำถามคนไทยคิดอย่างไรกับหวย” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,746 รายทั่วประเทศ พบว่า 70.5% เชื่อว่าหวยล็อกได้ และยังมองว่า 96.3% รายได้จากการขายสลากที่เข้ารัฐส่วนใหญ่มาจากเงินผู้ที่มีรายน้อยถึงปานกลาง และปัญหาที่คนไม่พอใจมากที่สุด คือ สลากแพง ตามด้วยการใช้สำนักงานสลาก เป็นแหล่งแสวงประโยชน์ของนักการเมือง
นายธนากร กล่าวว่า สำนักงานสลากไม่ควรเพิกเฉยต่อความรู้สึกของประชาชน และควรแสดงความจริงจังต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงองค์กรตนเอง โดยต้องยึดแนวทางปฏิรูปสลากใน 3 หลักใหญ่ๆ คือ 1.ทำให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้จริง ไม่เป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์ของนักการเมือง เพราะที่ผ่านมาประชาชนไม่มีสิทธิรับรู้ข้อมูลจากเงินรายได้ของสลาก 2.ยับยั้งการจำหน่ายสลากเกินราคา กล้าใช้ยาแรงไม่ให้ผลกระทบตกอยู่ที่ประชาชนและผู้ค้ารายย่อย 3.นำเงินมาพัฒนาสังคม เช่นเดียวกับแนวทางปฏิรูปกองสลากในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์ คือเงินที่ได้จากสลากจะไม่ถือว่าเป็นเงินรายได้ของรัฐ แต่ต้องนำเงินส่วนนี้ไปใช้ทำประโยชน์ ช่วยกลุ่มคนด้อยโอกาส กลุ่มคนเปราะบางในสังคม และที่สำคัญคือ สร้างความเข้มแข็งให้สังคม โดยรณรงค์ให้คนลดละเลิกการเล่นพนันหันมาพึ่งตนเองให้ได้มากที่สุด
