7 นายกสภาวิชาชีพสุขภาพออกแถลงการณ์ จวกข่มขู่สถานพยาบาล วอนยุติความรุนแรง ชี้คนไข้เดือดร้อนที่สุด แถมญาติตนเองอาจโดนลูกหลง ขออย่าทำไทยซ้ำรอยปี 53 ถูกยกเป็นประเทศคุกคามบุคลากรทางการแพทย์มากสุดในโลก จี้ฝ่ายความมั่นคงดูแลความปลอดภัย
วันนี้ (10 มี.ค.) ที่แพทยสภา นายกสภาวิชาชีพด้านสุขภาพ 7 วิชาชีพ ประกอบด้วย นายกแพทยสภา นายกสภาการพยาบาล นายกสภาเภสัชกรรม นายกทันตแพทยสภา นายกสภาเทคนิคการแพทย์ และนายกสภากายภาพบำบัด ร่วมกันออกแถลงการณ์ โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เป็นผู้แทนอ่านแถลงการณ์ว่า ระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการคุกคาม ข่มขู่สถานพยาบาลโดยการยิงระเบิดใส่โรงพยาบาลและขู่ตัดน้ำตัดไฟของสถานพยาบาล ซึ่งไม่มีประเทศไหน หรือผู้ใดเขาทำกันแม้ในยามสงคราม สถานพยาบาลทุกแห่งเปิดให้ในการรักษาพยาบาลด้วยจริยธรรมทางการแพทย์โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะมีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา และความเชื่อ แม้กระทั่งศัตรูเราก็ให้การรักษาอย่างดีที่สุดตามความสามารถ แต่เรื่องความเชื่อและความคิดเห็นที่แตกต่างกันเป็นสิทธิ์ของคนไทยทุกคน ซึ่งจะต้องยอมรับความแตกต่าง จะบังคับให้ทุกคนเชื่อ หรือคิดเหมือนเราทุกคนไม่ได้ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 64 ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ย่อมมีเสรีภาพในการรวมกลุ่มเช่นเดียวกับคนทั่วไป ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน และความต่อเนื่องในการจัดทำบริการสาธารณะ และในมาตรา 45 บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพจะกระทำมิได้
ที่ประชุมนายกสภาวิชาชีพด้านสุขภาพเรียกร้อง ขอให้ยุติความรุนแรงที่พุ่งเป้าต่อบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาล ส่งเสริมให้มีการปฏิบัติตามหลักสากลและหลักมนุษยธรรม นายกสภาวิชาชีพขอเรียกร้องให้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด สภาวิชาชีพด้านสุขภาพขอให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
“การแสดงความคิดเห็นเป็นเสรีภาพตราบใดที่ไม่ขัดขวางการให้บริการกับประชาชน ซึ่งการติดป้ายก็เป็นเสรีภาพอย่างหนึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีการติดป้ายต้อนรับนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีจำนวนมาก อยากให้ผู้ที่คุกคามสถานพยาบาลยุติการกระทำ เพราะคนที่เดือดร้อนคือคนไข้ และไม่อยากให้ประเทศไทยต้องซ้ำร้อยปี 2553 ที่วารสารต่างประเทศระบุว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการคุกคามบุคลากรทางการแพทย์มากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม เพื่อลดกระแสการคุกคาม โรงพยาบาลต่างๆ น่าจะปรับเปลี่ยนข้อความที่มีการติดป้ายเป็นเชิงบวก เช่น จากที่บอกว่าไม่ต้องการรัฐบาลโกง เป็น ต้องการรัฐบาลสุจริตโปร่งใส เป็นต้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการคุกคาม” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ด้าน นางวรรณิกา มโนรมณ์ นายกสภาเทคนิคการแพทย์ กล่าวว่า ทุกวิชาชีพมุ่งมั่นการปฏิบัติหน้าที่ตามจรรยาบรรณ ไม่หวั่นไหวต่อการคุกคาม และโรงพยาบาลที่ตั้งในพื้นที่ต่างๆ ก็ให้บริการรักษาประชาชนในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ เชื่อว่าหากมีการพูดคุยกันและกันจะทำเข้าใจกันได้ เว้นแต่อาจจะมีการยุยงส่งเสริมในเรื่องที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นในพื้นที่
รศ.ดร.สุจิตรา เหลืองอมรเลิศ อุปนายกสภาการพยาบาลคนที่ 1 กล่าวว่า การทำงานของบุคลากรให้บริการประชาชนทุกคน ทำงานเพื่อผู้ป่วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับโรงพยาบาลคนไข้จะได้รับอันตรายมากที่สุด และเป็นหลักสากลและข้อปฏิบัติที่โรงพยาบาลจะต้องถูกปกป้องให้ปลอดภัยจากความขัดแย้งทุกอย่างทั้งในประเทศและสงคราม
ผศ.ดร.กภ.มัรฑนา วงศ์ศิรินวรัตน์ นายกสภากายภาพบำบัด กล่าวว่า ห่วงบุคลากรทุกคนที่ทำงานช่วยเหลือคนไข้ในโรงพยาบาลที่มีเรื่องราวของการคุกคาม แต่อยากให้บุคลากรประกอบวิชาชีพตามหน้าที่ ไม่ว่าบุคลากรจะมีความเชื่ออย่างไร หรือคนไข้จะเชื่ออย่างไร เพราะแต่ละคนมีหลายหน้าที่
รศ.(พิเศษ) ภก.กิตติ พิทัก์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า การไม่คุกคามและทำร้ายบุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขเป็นหลักสากลที่เห็นตรงกันทั้งหมด การแถลงการณ์เป็ฯตามหลักสากลและย้ำเตือนว่าหลักสากลไม่ยอมรับการกระทำเช่นนี้
ทพ.ธรณินทร์ จรัสจรุงเกียรติ นายกทันตแพทยสภา กล่าวว่า การที่บุคลากรในโรงพยาบาลแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือได้รับการข่มขู่คุกคาม ทำให้ขวัญกำลังใจผู้ให้บริการประชาชนเสียไปบ้าง ซึ่งการให้บริการก็ให้บริการคนในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ หากกระทำการใดเป็นความรุนแรง อาจโดนพี่น้อง ญาติตัวเองที่เข้ามาใช้บริการก็ได้ อยากให้แยกให้ออกระหว่างการเมืองและการให้การรักษา