สกอ.หนุนอาจารย์มหา’ลัย สร้างงานวิจัยในภาคอุตสาหกรรม เตรียมทำหลักเกณฑ์กำหนดตำแหน่งวิชาการ เชิงอุตสาหกรรม ก่อนชง ก.พ.อ.เห็นชอบต่อไป
ศ.(พิเศษ) ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมแผนการพัฒนาอุดมศึกษา ว่า แนวทางหนึ่งที่จะพัฒนามหาวิทยาลัยไทย สู่มหาวิทยาลัยโลก และเพื่อผลิตกำลังคนที่ตอบสนองความต้องการของประเทศได้นั้น คือ การสนับสนุนให้ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอุดมศึกษามากขึ้น ทั้งการสร้างงานวิจัย การจัดการเรียนการสอน การพัฒนานิสิต นักศึกษา รวมทั้งกำลังคนของประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าในเดือนมีนาคม สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะเชิญทุกภาคส่วนเข้าหารือกำหนดทิศทางในการพัฒนาอุดมศึกษา ผลิตกำลังคน และจะสรุปเป็นแผนดำเนินการเสนอรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการ กกอ.กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์ สถาบันอุดมศึกษาและคณะอนุกรรมการเกี่ยวตำแหน่งทางวิชาการของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการหารือปรับแก้รายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการสายรับใช้สังคม อาทิ จำนวนผลงาน คุณสมบัติของผู้อ่าน รวมถึงดูข้อจำกัดในเรื่องของการอ้างอิงผลงาน ที่อาจจะไปซ้ำซ้อนกับของคนอื่น จะมีหลักเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือถึงข้อเสนอเรื่องการกำหนดตำแหน่งทางวิชาการเชิงอุตสาหกรรม เพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมให้อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา ทำวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศมากขึ้นเพราะที่ผ่านมางบประมาณวิจัยของมหาวิทยาลัยถูกตัดลงเรื่อยๆ ทั้งที่ ภาครัฐเองก็อยากให้มหาวิทยาลัยสร้างงานวิจัยที่มีผลต่อการพัฒนา ประเทศ ดังนั้น สถาบันอุดมศึกษา และภาคอุตสาหกรรมควรจะทำงานร่วมมือกันในเรื่องนี้เพื่อประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย รวมทั้งส่งเสริมให้นักศึกษาได้เข้าไปฝึกงานในสถานที่จริงจบแล้วสามารถทำงานได้ทันทีโดย ไม่ต้องมาฝึกงานเพิ่ม ซึ่งงานวิจัยภาคอุตสาหกรรมนั้นหมายถึงทุกสาขาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน
ทั้งนี้ การกำหนดให้มีตำแหน่งทางวิชาการเชิงอุตสาหกรรม นั้นเพื่อจูงใจให้อาจารย์สถาบันอุดมศึกษา หันมาสนใจสร้างงานวิจัยภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ยิ่งหากสามารถนำมาผลงานมาใช้เพื่อขอรับตำแหน่งทางวิชาการได้ด้วยนั้น หรือสามารถนำไปใช้ได้จริง ก็นับเป็นความก้าวหน้าของนักวิจัยเอง อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในภาคอุตสาหกรรมจะมีความแตกต่าง จากงานวิชาการอื่นๆ เพราะบางเรื่องก็ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ ดังนั้นจึงต้องไปกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้ชัดเจน ก่อนเสนอให้คณะกรรมการข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป
ศ.(พิเศษ) ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมแผนการพัฒนาอุดมศึกษา ว่า แนวทางหนึ่งที่จะพัฒนามหาวิทยาลัยไทย สู่มหาวิทยาลัยโลก และเพื่อผลิตกำลังคนที่ตอบสนองความต้องการของประเทศได้นั้น คือ การสนับสนุนให้ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอุดมศึกษามากขึ้น ทั้งการสร้างงานวิจัย การจัดการเรียนการสอน การพัฒนานิสิต นักศึกษา รวมทั้งกำลังคนของประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าในเดือนมีนาคม สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะเชิญทุกภาคส่วนเข้าหารือกำหนดทิศทางในการพัฒนาอุดมศึกษา ผลิตกำลังคน และจะสรุปเป็นแผนดำเนินการเสนอรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการ กกอ.กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์ สถาบันอุดมศึกษาและคณะอนุกรรมการเกี่ยวตำแหน่งทางวิชาการของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการหารือปรับแก้รายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการสายรับใช้สังคม อาทิ จำนวนผลงาน คุณสมบัติของผู้อ่าน รวมถึงดูข้อจำกัดในเรื่องของการอ้างอิงผลงาน ที่อาจจะไปซ้ำซ้อนกับของคนอื่น จะมีหลักเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือถึงข้อเสนอเรื่องการกำหนดตำแหน่งทางวิชาการเชิงอุตสาหกรรม เพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมให้อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา ทำวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศมากขึ้นเพราะที่ผ่านมางบประมาณวิจัยของมหาวิทยาลัยถูกตัดลงเรื่อยๆ ทั้งที่ ภาครัฐเองก็อยากให้มหาวิทยาลัยสร้างงานวิจัยที่มีผลต่อการพัฒนา ประเทศ ดังนั้น สถาบันอุดมศึกษา และภาคอุตสาหกรรมควรจะทำงานร่วมมือกันในเรื่องนี้เพื่อประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย รวมทั้งส่งเสริมให้นักศึกษาได้เข้าไปฝึกงานในสถานที่จริงจบแล้วสามารถทำงานได้ทันทีโดย ไม่ต้องมาฝึกงานเพิ่ม ซึ่งงานวิจัยภาคอุตสาหกรรมนั้นหมายถึงทุกสาขาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน
ทั้งนี้ การกำหนดให้มีตำแหน่งทางวิชาการเชิงอุตสาหกรรม นั้นเพื่อจูงใจให้อาจารย์สถาบันอุดมศึกษา หันมาสนใจสร้างงานวิจัยภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ยิ่งหากสามารถนำมาผลงานมาใช้เพื่อขอรับตำแหน่งทางวิชาการได้ด้วยนั้น หรือสามารถนำไปใช้ได้จริง ก็นับเป็นความก้าวหน้าของนักวิจัยเอง อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในภาคอุตสาหกรรมจะมีความแตกต่าง จากงานวิชาการอื่นๆ เพราะบางเรื่องก็ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ ดังนั้นจึงต้องไปกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้ชัดเจน ก่อนเสนอให้คณะกรรมการข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป
