พลิกโฉม “สหกรณ์” เพิ่มรายได้สมาชิก

จะว่ากันไปแล้ว “สหกรณ์” นับได้ว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ นายจุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ บอกว่า เรามีสหกรณ์ทั้งในและนอกภาคเกษตร จำนวน 8,087 สหกรณ์ มีสมาชิกกว่า 11.11 ล้านคน มีปริมาณธุรกิจรวมกว่า 2.08 ล้านล้านบาท

ในฐานะที่ผมนั่งเก้าอี้ผู้บริหาร จะมุ่งพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้เกิดความเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกัน และทันต่อการเปลี่ยนแปลง ในเบื้องต้นเน้นให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันทำงานเป็นทีม ซื่อสัตย์ และโปร่งใส นอกจากนี้ ยังมีแผนส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ในพื้นที่โครงการพระราชดำริต่างๆ ทั่วประเทศ โดยจะเข้าไปดูแลและสนองงานตามแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้พระราชทานแนวทางการรวมกลุ่มชาวบ้านที่มีความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพและมีความเป็นอยู่ที่ยากไร้ ให้มีการรวมกลุ่มกันผลิตสินค้าแปรรูป หรือสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่น ซึ่งวิธีนี้เป็นการช่วยเหลือตนเอง ตลอดจนคนในชุมชนให้มีรายได้ นับว่าเป็นการยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน ยังได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดเสรีทางการค้า ภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี (AEC) โดยมอบให้กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ กองแผนงาน ประสานกับเครือข่ายสหกรณ์ในระดับอาเซียน และเอเชียแปซิฟิก เพื่อเร่งศึกษาข้อมูลรายละเอียดรวมถึงศึกษาผลกระทบจาก AEC ต่อระบบสหกรณ์ไทยหรือไม่ พร้อมกันนี้จะพัฒนาคุณภาพสินค้าของกลุ่มสหกรณ์ให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ ตรงนี้จะช่วยการขยายฐานทางการตลาดไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น เมื่อสินค้าของสมาชิกได้รับการตอบรับ นั่นหมายความว่าสมาชิกจะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ เรายังมีเครือข่ายสหกรณ์ทั่วประเทศกระจายสินค้าของสมาชิก เช่น สินค้าข้าวสาร ไข่ไก่ ผลิตภัณฑ์นม ผักและผลไม้ เป็นต้น พร้อมสานต่อการเชื่อมโยงเครือข่ายสหกรณ์ตลอดห่วงโซ่การผลิต มีการจัดทำฐานข้อมูลปริมาณสินค้าสหกรณ์ และข้อมูลสถานที่หรือแหล่งจำหน่ายสินค้า รวมถึงมูลค่าสินค้าสหกรณ์ด้วย โดยเน้นให้พิจารณาคัดกรองสหกรณ์ แยกเป็น สหกรณ์ดีเด่นเพื่อให้เป็นสหกรณ์ต้นแบบ สหกรณ์ทั่วไป สหกรณ์ที่กำลังพัฒนา และสหกรณ์ที่ต้องดำเนินการแก้ไข เพื่อจะได้เข้าไปช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ให้คำแนะนำและพัฒนาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

นายจุมพล แสดงความเห็นว่า สหกรณ์จะพัฒนา ส่วนหนึ่งจะต้องมีบุคลากรที่เก่ง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ยิ่งไทยจะเปิดการค้าเสรีในปีหน้า ฉะนั้น จำเป็นต้องติดจรวดบุคลากรให้มีความรู้อย่างต่อเนื่อง มีแผนพัฒนาสหกรณ์ที่ชัดเจน เน้นให้นำงานวิจัยและงานวิชาการด้านสหกรณ์มาช่วยแก้ไขปัญหาให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยมุ่งประสานความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์กับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เป็นการร่วมบูรณาการขับเคลื่อนพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งระบบ เพื่อสร้างเข้มแข็งให้กับขบวนการสหกรณ์

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ยังมีแผนสานต่อการพัฒนานิคมสหกรณ์และสหกรณ์นิคม โดยเฉพาะการเร่งรัดการจัดที่ดินและส่งเสริมอาชีพในเขตนิคมสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมุ่งดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ โครงการพัฒนาเกษตรปราดเปรื่องหรือสมาร์ทฟาร์เมอร์ (Smart Farmer) และสมาร์ทออฟฟิศเซอร์ (Smart Officer) โครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน โครงการพัฒนาเป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชรองรับประชาคมอาเซียน โครงการเมืองเกษตรสีเขียว (Green Agriculture City) และโครงการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลเกษตรทดแทนแรงงานเกษตร เป็นต้น อีกทั้งจะผลักดันยุทธศาสตร์สหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติแล้วเป็นนโยบายเร่งด่วน

...ถ้าทำได้ตามที่วางแผนไว้ เชื่อว่าจะช่วยให้เกษตรกร สมาชิกสหกรณ์ มีอาชีพ มีรายได้ สามารถลืมตาอ้าปาก เลี้ยงตนเองและครอบครัว ที่สำคัญเชื่อว่าปลดหนี้สินได้