กมธ.สาธารณสุขห่วงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขถูกคุกคาม ฝากเรื่องการใช้สิทธิตามหน้าที่พลเมือง และต้องทำหน้าที่บุคลากร สธ.โดยไม่เลือกปฏิบัติ ด้าน สธ.ส่งหนังสือถึง สสจ.และ รพศ./รพท.ประเมินความเสี่ยง ความปลอดภัยของบุคคล ทรัพย์สินหน่วยงาน ย้ำต้องคัดกรองบุคคลเข้าสถานที่ แนะติดกล้องวงจรปิด
วันนี้ (31 ม.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันนี้กรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ได้เชิญตนไปให้ข้อมูลกรณีบุคลากร สธ.หลายแห่งถูกคุกคาม ซึ่งได้กำชับให้มีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ จึงอยากขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ดูแลบุคลากรในโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ส่วนที่จะมีกลุ่มคน สธ.ร่วมกันจุดเทียนสนับสนุนการเลือกตั้งในช่วงเย็นวันนี้ เชื่อว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งภายใน สธ.เพราะทุกคนต้องยอมรับความเห็นที่แตกต่างตามหลักการของประชาธิปไตย เป็นสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นโดยสันติ ซึ่งชาว สธ.เข้าใจกติกาและเป็นเรื่องปกติที่จะมีการแสดงออกทางความคิด
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ.กล่าวว่า กรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา มีความเป็นห่วงกรณีที่บุคลากร สธ.ถูกคุกคาม จนนำมาสู่ความไม่ปลอดภัย จึงฝากใน 2 ประเด็น คือ 1.การใช้สิทธิของบุคลากรในฐานะประชาชน พลเมืองไทยตามรัฐธรรมนูญ และ 2.การทำหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการให้บริการแบบไม่เลือกปฏิบัติ ไม่แบ่งฝ่าย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ปลัด สธ.ได้ลงนามในหนังสือเวียน ที่ สธ.0201.01/ว 127 ถึง นพ.สสจ.ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ เรื่อง มาตรการดูแลความปลอดภัยของหน่วยงานในสังกัด สธ.โดยเนื้อหาระบุว่า ตามที่ได้มีสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของบุคลากรและทรัพย์สินของหน่วยงานในสังกัด สธ.ขอให้หน่วยงานทุกแห่งเพิ่มมาตรการรองรับสถานการณ์ ดังนี้
1.ให้ประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงต่อความมั่นคง ปลอดภัยของบุคคล ตลอดจนทรัพย์สินของทางราชการ พร้อมกับการเตรียมความพร้อมรองรับ เหตุร้ายแรงอันอาจจะเกิดขึ้นได้ ได้แก่ การคัดกรองบุคคลเข้าสู่สถานที่ราชการ การกำหนดพื้นที่เขตหวงห้าม ตลอดจนการตั้งกล้องวงจรปิด
2.ให้จัดเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ที่ประเมินว่าจะมีความเสี่ยงเกิดขึ้น โดยกำหนดผู้รับผิดชอบ ทั้งในส่วนของการเจรจาต่อรอง และการบัญชาการสถานการณ์ให้ลุล่วงไปด้วยดี
และ 3.กรณีที่มีสถานการณ์ความเคลื่อนไหวอันทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการ ขอให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้น และให้ผู้บังคับบัญชาดูแลสนับสนุนการแก้ปัญหาให้เหตุการณ์ลุล่วงโดยสงบ พร้อมพิจารณาการลงเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่
วันนี้ (31 ม.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันนี้กรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ได้เชิญตนไปให้ข้อมูลกรณีบุคลากร สธ.หลายแห่งถูกคุกคาม ซึ่งได้กำชับให้มีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ จึงอยากขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ดูแลบุคลากรในโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ส่วนที่จะมีกลุ่มคน สธ.ร่วมกันจุดเทียนสนับสนุนการเลือกตั้งในช่วงเย็นวันนี้ เชื่อว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งภายใน สธ.เพราะทุกคนต้องยอมรับความเห็นที่แตกต่างตามหลักการของประชาธิปไตย เป็นสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นโดยสันติ ซึ่งชาว สธ.เข้าใจกติกาและเป็นเรื่องปกติที่จะมีการแสดงออกทางความคิด
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ.กล่าวว่า กรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา มีความเป็นห่วงกรณีที่บุคลากร สธ.ถูกคุกคาม จนนำมาสู่ความไม่ปลอดภัย จึงฝากใน 2 ประเด็น คือ 1.การใช้สิทธิของบุคลากรในฐานะประชาชน พลเมืองไทยตามรัฐธรรมนูญ และ 2.การทำหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการให้บริการแบบไม่เลือกปฏิบัติ ไม่แบ่งฝ่าย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ปลัด สธ.ได้ลงนามในหนังสือเวียน ที่ สธ.0201.01/ว 127 ถึง นพ.สสจ.ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ เรื่อง มาตรการดูแลความปลอดภัยของหน่วยงานในสังกัด สธ.โดยเนื้อหาระบุว่า ตามที่ได้มีสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของบุคลากรและทรัพย์สินของหน่วยงานในสังกัด สธ.ขอให้หน่วยงานทุกแห่งเพิ่มมาตรการรองรับสถานการณ์ ดังนี้
1.ให้ประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงต่อความมั่นคง ปลอดภัยของบุคคล ตลอดจนทรัพย์สินของทางราชการ พร้อมกับการเตรียมความพร้อมรองรับ เหตุร้ายแรงอันอาจจะเกิดขึ้นได้ ได้แก่ การคัดกรองบุคคลเข้าสู่สถานที่ราชการ การกำหนดพื้นที่เขตหวงห้าม ตลอดจนการตั้งกล้องวงจรปิด
2.ให้จัดเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ที่ประเมินว่าจะมีความเสี่ยงเกิดขึ้น โดยกำหนดผู้รับผิดชอบ ทั้งในส่วนของการเจรจาต่อรอง และการบัญชาการสถานการณ์ให้ลุล่วงไปด้วยดี
และ 3.กรณีที่มีสถานการณ์ความเคลื่อนไหวอันทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการ ขอให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้น และให้ผู้บังคับบัญชาดูแลสนับสนุนการแก้ปัญหาให้เหตุการณ์ลุล่วงโดยสงบ พร้อมพิจารณาการลงเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่
