“จอน อึ๊งภากรณ์” ติ “หมอณรงค์” ลากทั้งกระทรวงไม่เอารัฐบาล ชี้หากจะแสดงความเห็นทางการเมืองควรลาออกจากปลัด สธ.ก่อน ด้านประธาน สพศท.จวกกลับปลัด สธ.แสดงความเห็นฐานะ “นายณรงค์” ไม่ได้เอาตำแหน่งราชการมาเกี่ยวข้อง ซัดคนแสดงความเห็นต้องลาออกราชการก่อนหรือ ถามกลับ อ.จอน แสดงความเห็นก็ควรลาออกก่อนหรือไม่
นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองของ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นั้น เห็นควรเป็นการลาออกจากตำแหน่งและแสดงเหตุผลของการลาออก มากกว่าการลากกันไปทั้งกระทรวงเหมือนประกาศว่า สธ.ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการจะไม่ขึ้นกับรัฐบาลเช่นนี้ ซึ่งปลัด สธ.ไม่มีสิทธิที่จะทำ เพราะภายในองค์กรไม่ว่ารัฐหรือเอกชนย่อมต้องมีคนเห็นต่าง การแสดงสิทธิทางการเมืองที่เหมาะสมต้องเป็นการแสดงออกส่วนบุคคล ในความเห็นตนคือการลาออกจากตำแหน่งปลัด สธ.จะดีกว่า
“หากข้าราชการรับไม่ได้กับการทำงานของรัฐมนตรี หรือรัฐบาล สามารถแสดงออกได้ด้วยการลาออก แล้วออกมาประท้วงให้ชัดเจน และต้องอธิบายให้สังคมทราบว่าเพราะอะไร ประกาศไปเลยว่ารัฐบาลหรือรัฐมนตรีทำงานบกพร่องอะไรบ้าง แต่ถ้ายังอยู่ในตำแหน่งต้องไม่ลากกระทรวงไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าในนามใครก็ตาม” นายจอน กล่าว
นายจอน กล่าวอีกว่า ส่วนที่เกรงว่าการออกมาแสดงจุดยืนของผู้บริหารระดับสูงในระบบราชการ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกันมากขึ้น เชื่อว่าความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้นมากไปกว่านี้ เพราะขณะนี้สังคมก็มีความขัดแย้งทางการเมืองกันอยู่แล้วในทุกหน่วยงาน และ สธ.ในฐานะหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่ดูแลประชาชน คงต้องทำหน้าที่ต่อไปตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น เชื่อว่าในทางปฏิบัติ การประกาศของปลัด สธ.คงไม่กระทบต่อการบริการสาธารณสุข
“สิ่งที่ผมกังวลคือ กลัวว่าในอนาคตประเทศไทยจะมี 2 รัฐบาล เกิดสถานการณ์สงครามการเมือง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ไม่เป็นผลดี เป็นการสถาปนา 2 รัฐบาลพร้อมกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างมีประชาชนสนับสนุนนับล้านคน ผมเคยไปดูงานที่บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ประเทศที่มีสงครามทางการเมืองนับ 10 ปี เป็นสถานการณ์ที่ขัดแย้งร้ายแรงมาก เกิดการรบกันภายในประเทศ อีกทั้งการจะฟื้นประเทศที่ผ่านสงครามการเมืองเป็นเรื่องยาก ต้องใช้เวลา 3-4 ช่วงอายุคน กว่าจะอยู่ร่วมกันได้สนิทใจ จึงหวังว่าไทยจะไม่ก้าวไปถึงความรุนแรงเช่นนั้น สิ่งสำคัญควรมีการเจรจา เพราะดูสถานการณ์ที่ไม่มีใครชนะ ประชาชนทั้งประเทศก็จะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย” นายจอน กล่าว
ด้าน พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า นพ.ณรงค์ ไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะความเห็นที่ออกไปเป็นในนามของประชาคมสาธารณสุข ซึ่งเป็นองค์กรทางวิชาชีพ ไม่ได้นำตำแหน่งทางราชการมาเกี่ยวข้อง อีกทั้งในการประชุมของประชาคม นพ.ณรงค์ แทบจะไม่ได้แสดงความคิดเห็น แต่เห็นด้วยกับแถลงการณ์ของประชาคม และเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา นพ.ณรงค์ กล่าวชัดว่า ตนคือนายณรงค์ และให้ความเห็นในนามของประชาคมสาธารณสุข ไม่ใช่ปลัด สธ.
“ที่ผ่านมา นพ.ณรงค์ ไม่เคยใช้หัวโขนตำแหน่งปลัด สธ.ในการสั่งการประชาคมสาธารณสุข ไม่มีการชี้นำ หรือแม้แต่ตัวแทนชมรมต่างๆ ที่เป็นสมาชิกประชาคมต่างก็ให้ความเห็นในฐานะองค์กรวิชาชีพ ในฐานะประชาชนชาวไทย ไม่ได้เอาตำแหน่งทางราชการมาเกี่ยวข้อง เพราะแต่ละคนเป็นได้หลายสถานะ ทั้งคนไทย ข้าราชการ ฯลฯ จึงไม่เห็นว่า นพ.ณรงค์ ต้องลาออก เพราะไม่ได้นำตำแหน่งราชการมาเกี่ยว อยากถามว่าคนที่จะแสดงความเห็นได้ต้องลาออกจากราชการก่อนหรือ แล้ว อ.จอน ให้ความเห็นเช่นนี้ต้องลาออกจากตำแหน่งใดก่อนหรือไม่ หรือแพทย์ที่มีตำแหน่งราชการอื่นๆ ต้องลาออกจากราชการก่อนถึงจะแสดงความเห็นได้” พญ.ประชุมพร กล่าว
นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองของ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นั้น เห็นควรเป็นการลาออกจากตำแหน่งและแสดงเหตุผลของการลาออก มากกว่าการลากกันไปทั้งกระทรวงเหมือนประกาศว่า สธ.ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการจะไม่ขึ้นกับรัฐบาลเช่นนี้ ซึ่งปลัด สธ.ไม่มีสิทธิที่จะทำ เพราะภายในองค์กรไม่ว่ารัฐหรือเอกชนย่อมต้องมีคนเห็นต่าง การแสดงสิทธิทางการเมืองที่เหมาะสมต้องเป็นการแสดงออกส่วนบุคคล ในความเห็นตนคือการลาออกจากตำแหน่งปลัด สธ.จะดีกว่า
“หากข้าราชการรับไม่ได้กับการทำงานของรัฐมนตรี หรือรัฐบาล สามารถแสดงออกได้ด้วยการลาออก แล้วออกมาประท้วงให้ชัดเจน และต้องอธิบายให้สังคมทราบว่าเพราะอะไร ประกาศไปเลยว่ารัฐบาลหรือรัฐมนตรีทำงานบกพร่องอะไรบ้าง แต่ถ้ายังอยู่ในตำแหน่งต้องไม่ลากกระทรวงไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าในนามใครก็ตาม” นายจอน กล่าว
นายจอน กล่าวอีกว่า ส่วนที่เกรงว่าการออกมาแสดงจุดยืนของผู้บริหารระดับสูงในระบบราชการ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกันมากขึ้น เชื่อว่าความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้นมากไปกว่านี้ เพราะขณะนี้สังคมก็มีความขัดแย้งทางการเมืองกันอยู่แล้วในทุกหน่วยงาน และ สธ.ในฐานะหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่ดูแลประชาชน คงต้องทำหน้าที่ต่อไปตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น เชื่อว่าในทางปฏิบัติ การประกาศของปลัด สธ.คงไม่กระทบต่อการบริการสาธารณสุข
“สิ่งที่ผมกังวลคือ กลัวว่าในอนาคตประเทศไทยจะมี 2 รัฐบาล เกิดสถานการณ์สงครามการเมือง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ไม่เป็นผลดี เป็นการสถาปนา 2 รัฐบาลพร้อมกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างมีประชาชนสนับสนุนนับล้านคน ผมเคยไปดูงานที่บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ประเทศที่มีสงครามทางการเมืองนับ 10 ปี เป็นสถานการณ์ที่ขัดแย้งร้ายแรงมาก เกิดการรบกันภายในประเทศ อีกทั้งการจะฟื้นประเทศที่ผ่านสงครามการเมืองเป็นเรื่องยาก ต้องใช้เวลา 3-4 ช่วงอายุคน กว่าจะอยู่ร่วมกันได้สนิทใจ จึงหวังว่าไทยจะไม่ก้าวไปถึงความรุนแรงเช่นนั้น สิ่งสำคัญควรมีการเจรจา เพราะดูสถานการณ์ที่ไม่มีใครชนะ ประชาชนทั้งประเทศก็จะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย” นายจอน กล่าว
ด้าน พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า นพ.ณรงค์ ไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะความเห็นที่ออกไปเป็นในนามของประชาคมสาธารณสุข ซึ่งเป็นองค์กรทางวิชาชีพ ไม่ได้นำตำแหน่งทางราชการมาเกี่ยวข้อง อีกทั้งในการประชุมของประชาคม นพ.ณรงค์ แทบจะไม่ได้แสดงความคิดเห็น แต่เห็นด้วยกับแถลงการณ์ของประชาคม และเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา นพ.ณรงค์ กล่าวชัดว่า ตนคือนายณรงค์ และให้ความเห็นในนามของประชาคมสาธารณสุข ไม่ใช่ปลัด สธ.
“ที่ผ่านมา นพ.ณรงค์ ไม่เคยใช้หัวโขนตำแหน่งปลัด สธ.ในการสั่งการประชาคมสาธารณสุข ไม่มีการชี้นำ หรือแม้แต่ตัวแทนชมรมต่างๆ ที่เป็นสมาชิกประชาคมต่างก็ให้ความเห็นในฐานะองค์กรวิชาชีพ ในฐานะประชาชนชาวไทย ไม่ได้เอาตำแหน่งทางราชการมาเกี่ยวข้อง เพราะแต่ละคนเป็นได้หลายสถานะ ทั้งคนไทย ข้าราชการ ฯลฯ จึงไม่เห็นว่า นพ.ณรงค์ ต้องลาออก เพราะไม่ได้นำตำแหน่งราชการมาเกี่ยว อยากถามว่าคนที่จะแสดงความเห็นได้ต้องลาออกจากราชการก่อนหรือ แล้ว อ.จอน ให้ความเห็นเช่นนี้ต้องลาออกจากตำแหน่งใดก่อนหรือไม่ หรือแพทย์ที่มีตำแหน่งราชการอื่นๆ ต้องลาออกจากราชการก่อนถึงจะแสดงความเห็นได้” พญ.ประชุมพร กล่าว