สธ.สั่ง สสจ.ทั่วประเทศเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.เผย กทม.เสี่ยงมากสุด ให้ รพ.8 จังหวัดปริมณฑลเตรียมพร้อมห้องผ่าตัด เลือด ห้องไอ.ซี.ยู.ด้าน สพฉ.วอน ปชช.เห็นรถอาสากู้ชีพช่วยอำนวยความสะดวก เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
วันนี้ (31 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ เรื่องการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ในวันที่ 2 ก.พ.ว่า ขอให้สถานบริการทุกแห่งเตรียมความพร้อมเต็มที่ เพราะอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ โดยให้ นพ.สสจ.เฝ้าระวังร่วมกับโรงพยาบาลทุกแห่ง
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชุมนุมทางการเมือง (ส่วนหน้า) สธ.กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับ กทม.นั้น สธ.ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ กทม.3 โซน จากทั้งหมด 9 โซน ได้แก่ 1.โซน 8 คือ เขตราชเทวี พญาไท ห้วยขวาง จตุจักร ดินแดง และลาดพร้าว มี รพ.ราชวิถี เป็นแกนรับผิดชอบหลัก มีทีมกู้ชีพชั้นสูง (ALS) จากภูมิภาคสนับสนุน 2 ทีม และทีมกู้ชีพพื้นฐาน (BLS) จากมูลนิธิร่วมกตัญญู และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 2.โซน 5 คือ เขตพระโขนง คลองเตย สาทร วัฒนา บางรัก บางนา รับผิดชอบโดย รพ.เลิดสิน มีทีม ALS จากภูมิภาคสนับสนุน 1 ทีม พร้อมมูลนิธิพิรุณ และ 3.โซน 6 คือ เขตหนองจอก มีนบุรี และบางกะปิ มี รพ.นพรัตนราชธานี เป็นแกนหลัก มีทีม ALS 3 ทีม และ BLS จากมูลนิธิต่างๆ ร่วมด้วย เช่น หงส์แดง ร่มไทร และสยามรวมใจ ประสานร่วมกับ กทม.
“ส่วนภารกิจการดูแลพื้นที่ชุมนุมหลักมีการดูแลเช่นเดิม และเมื่อผ่านพ้นวันที่ 2 ก.พ. ทีมที่ไปดูแลในพื้นที่เขตต่างๆ จะกลับมารับผิดชอบพื้นที่เหล่านี้เช่นเดิม นอกจากนี้ ได้ประสานให้โรงพยาบาลในพื้นที่ 8 จังหวัดปริมณฑลเตรียมความพร้อมห้องผ่าตัด เตียง ไอ.ซี.ยู.และเลือดด้วย เพื่อรองรับในกรณีที่ต้องส่งต่อผู้ป่วยไปใช้บริการ” ผอ.ศูนย์ส่วนหน้า กล่าว
นพ.อนุรักษ์ อมรเพชรสถาพร ผอ.สำนักสาธารณสุขฉุกเฉิน (สธฉ.) กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์เห็นว่าพื้นที่กรุงเทพฯมีความเสี่ยงกว่าจังหวัดอื่น จึงประสานให้ทีมกู้ชีพชั้นสูงจากจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ จำนวน 4 ทีม จาก จ.ราชบุรี 2 ทีม ฉะเชิงเทรา และสมุทรสาคร จังหวัดละ 1 ทีม เข้ามาเสริมในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วย ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดสถานการณ์ค่อนข้างนิ่ง ไม่น่าจะมีปะทะ ขณะที่จังหวัดที่ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษมี 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช และสงขลา ซึ่งสถานบริการในแต่ละจังหวัดมีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์เต็มที่และจากการได้รับรายงานยังไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น
นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการสถาบันแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์วันเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ.ว่า สพฉ.ได้จัดทีมติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมประสานการช่วยเหลือกับศูนย์เอราวัณ และ สธ.ในการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งการทำงานของทีมอาสากู้ชีพทุกคน จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยจะช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินโดยไม่เลือกข้างว่าเป็นฝ่ายใด เพราะเราคิดเสมอว่าชีวิตของทุกคนมีค่า และที่สำคัญได้เน้นย้ำให้อาสากู้ชีพเน้นเรื่องความปลอดภัยในการทำงานเป็นสำคัญ ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงก็จะมีการเตือนและประสานกับเจ้าหน้าที่โดยยึดตามหลักสากล
นพ.ภูมินทร์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์การชุมนุม เมื่อเกิดความวุ่นวายขึ้น มักจะมีความชุลมุน ดังนั้นเพื่อให้การทำงานของทีมอาสากู้ชีพมีประสิทธิภาพ และเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยฉุกเฉิน จึงอยากขอความร่วมมือไปยังประชาชนทั่วไปว่า หากพบเห็นการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินของทีมอาสากู้ชีพ ที่กำลังช่วยเหลือหรือไปรับผู้ป่วยฉุกเฉิน โปรดอำนวยความสะดวกในการทำงาน โดยสามารถสังเกตได้จากทีมอาสากู้ชีพจะแต่งกายด้วยชุดกู้ชีพสีขาว หรือชุดอาสากู้ชีพที่มีตราสัญลักษณ์ของ สพฉ.หรือใส่ชุดสีขาวปักเลขหมาย 1669 ที่ด้านหลัง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันกาล หากเห็นรถกู้ชีพฉุกเฉิน หรือพยาบาลเปิดไฟไซเรน ก็ขอให้เปิดทางให้รถผ่านเพื่อลำเลียงผู้ป่วยออกจากพื้นที่ได้ และที่สำคัญหากประชาชนทุกฝ่ายบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินก็สามารถโทร.มาที่สายด่วน 1669 ได้ตลอด24 ชั่วโมง
วันนี้ (31 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ เรื่องการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ในวันที่ 2 ก.พ.ว่า ขอให้สถานบริการทุกแห่งเตรียมความพร้อมเต็มที่ เพราะอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ โดยให้ นพ.สสจ.เฝ้าระวังร่วมกับโรงพยาบาลทุกแห่ง
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชุมนุมทางการเมือง (ส่วนหน้า) สธ.กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับ กทม.นั้น สธ.ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ กทม.3 โซน จากทั้งหมด 9 โซน ได้แก่ 1.โซน 8 คือ เขตราชเทวี พญาไท ห้วยขวาง จตุจักร ดินแดง และลาดพร้าว มี รพ.ราชวิถี เป็นแกนรับผิดชอบหลัก มีทีมกู้ชีพชั้นสูง (ALS) จากภูมิภาคสนับสนุน 2 ทีม และทีมกู้ชีพพื้นฐาน (BLS) จากมูลนิธิร่วมกตัญญู และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 2.โซน 5 คือ เขตพระโขนง คลองเตย สาทร วัฒนา บางรัก บางนา รับผิดชอบโดย รพ.เลิดสิน มีทีม ALS จากภูมิภาคสนับสนุน 1 ทีม พร้อมมูลนิธิพิรุณ และ 3.โซน 6 คือ เขตหนองจอก มีนบุรี และบางกะปิ มี รพ.นพรัตนราชธานี เป็นแกนหลัก มีทีม ALS 3 ทีม และ BLS จากมูลนิธิต่างๆ ร่วมด้วย เช่น หงส์แดง ร่มไทร และสยามรวมใจ ประสานร่วมกับ กทม.
“ส่วนภารกิจการดูแลพื้นที่ชุมนุมหลักมีการดูแลเช่นเดิม และเมื่อผ่านพ้นวันที่ 2 ก.พ. ทีมที่ไปดูแลในพื้นที่เขตต่างๆ จะกลับมารับผิดชอบพื้นที่เหล่านี้เช่นเดิม นอกจากนี้ ได้ประสานให้โรงพยาบาลในพื้นที่ 8 จังหวัดปริมณฑลเตรียมความพร้อมห้องผ่าตัด เตียง ไอ.ซี.ยู.และเลือดด้วย เพื่อรองรับในกรณีที่ต้องส่งต่อผู้ป่วยไปใช้บริการ” ผอ.ศูนย์ส่วนหน้า กล่าว
นพ.อนุรักษ์ อมรเพชรสถาพร ผอ.สำนักสาธารณสุขฉุกเฉิน (สธฉ.) กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์เห็นว่าพื้นที่กรุงเทพฯมีความเสี่ยงกว่าจังหวัดอื่น จึงประสานให้ทีมกู้ชีพชั้นสูงจากจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ จำนวน 4 ทีม จาก จ.ราชบุรี 2 ทีม ฉะเชิงเทรา และสมุทรสาคร จังหวัดละ 1 ทีม เข้ามาเสริมในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วย ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดสถานการณ์ค่อนข้างนิ่ง ไม่น่าจะมีปะทะ ขณะที่จังหวัดที่ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษมี 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช และสงขลา ซึ่งสถานบริการในแต่ละจังหวัดมีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์เต็มที่และจากการได้รับรายงานยังไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น
นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการสถาบันแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์วันเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ.ว่า สพฉ.ได้จัดทีมติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมประสานการช่วยเหลือกับศูนย์เอราวัณ และ สธ.ในการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งการทำงานของทีมอาสากู้ชีพทุกคน จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยจะช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินโดยไม่เลือกข้างว่าเป็นฝ่ายใด เพราะเราคิดเสมอว่าชีวิตของทุกคนมีค่า และที่สำคัญได้เน้นย้ำให้อาสากู้ชีพเน้นเรื่องความปลอดภัยในการทำงานเป็นสำคัญ ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงก็จะมีการเตือนและประสานกับเจ้าหน้าที่โดยยึดตามหลักสากล
นพ.ภูมินทร์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์การชุมนุม เมื่อเกิดความวุ่นวายขึ้น มักจะมีความชุลมุน ดังนั้นเพื่อให้การทำงานของทีมอาสากู้ชีพมีประสิทธิภาพ และเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยฉุกเฉิน จึงอยากขอความร่วมมือไปยังประชาชนทั่วไปว่า หากพบเห็นการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินของทีมอาสากู้ชีพ ที่กำลังช่วยเหลือหรือไปรับผู้ป่วยฉุกเฉิน โปรดอำนวยความสะดวกในการทำงาน โดยสามารถสังเกตได้จากทีมอาสากู้ชีพจะแต่งกายด้วยชุดกู้ชีพสีขาว หรือชุดอาสากู้ชีพที่มีตราสัญลักษณ์ของ สพฉ.หรือใส่ชุดสีขาวปักเลขหมาย 1669 ที่ด้านหลัง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันกาล หากเห็นรถกู้ชีพฉุกเฉิน หรือพยาบาลเปิดไฟไซเรน ก็ขอให้เปิดทางให้รถผ่านเพื่อลำเลียงผู้ป่วยออกจากพื้นที่ได้ และที่สำคัญหากประชาชนทุกฝ่ายบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินก็สามารถโทร.มาที่สายด่วน 1669 ได้ตลอด24 ชั่วโมง
