xs
xsm
sm
md
lg

5 พฤติกรรมที่ลูกถูกพ่อแม่สังเวยด้วยโรคอ้วน!! คอลัมน์ พ่อแม่ลูกปลูกรัก สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ทำไมเดี๋ยวนี้เธออ้วนจัง”

เป็นประโยคที่ผู้หญิงทั้งหลายไม่ชอบให้ใครมาทักเช่นนี้ แม้ตัวเองจะรู้ตัวว่าอ้วนขึ้นก็ตาม แต่ก็ไม่อยากได้ยินจากปากคนอื่นอยู่ดี แต่ก็อีกนั่นแหละเรื่องความอ้วนก็มักกลายเป็นหัวข้อสนทนาในหมู่สาวๆ อยู่เสมอ

ส่วนหนึ่งแน่นอนว่าเป็นเพราะวัยที่เพิ่มมากขึ้น ระบบเผาผลาญก็ทำงานแย่ลง แต่ประเด็นสำคัญก็คือเพราะวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป และสังคมบริโภคนิยมที่อยู่ล้อมรอบตัวทำให้เกิดกิเลสในเรื่องกินค่อนข้างมาก กลายเป็นอ้วนเพราะโภชนาการเกิน

แต่บางคนก็อ้วนมาตั้งแต่วัยเด็ก!

ปัจจุบัน เรื่องโรคอ้วนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว แต่มันได้กลายเป็นปัญหาระดับโลก และกำลังระบาดไปอย่างหนัก ไม่เว้นแม้แต่ทวีปแอฟริกา

องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า ปี 2558 ทั่วโลกจะมีคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน 2,300 ล้านคน คนอ้วน 700 ล้านคน พร้อมทั้งย้ำว่าภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน เป็นต้น

ที่สำคัญมันได้ส่งผลให้แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตกว่า 2.8 ล้านคน

และตอนนี้โรคอ้วนได้กลายเป็นโรคที่มีจำนวนผู้ป่วยมากพอๆ กับโรคเอดส์และโรคขาดสารอาหารในทวีปแอฟริกาแล้ว

ขณะที่โรคอ้วนได้เพิ่มขึ้นกว่า 100% ช่วง 3 ทศวรรษในประเทศญี่ปุ่น สิ่งที่บรรดาแพทย์กำลังเป็นห่วงมากก็คือเด็กจำนวนมากที่มีน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐาน กำลังประสบปัญหานำไปสู่โรคเบาหวาน

ปัจจุบันเด็กกลุ่มที่อ้วนที่สุดอยู่ในตะวันออกกลาง ชิลี กรีซ และทางตอนใต้ของอิตาลี และถ้าหากเด็กกลุ่มนี้ไม่ลดน้ำหนักลง ก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะป่วยด้วยโรคต่างๆ เมื่ออายุย่าง 40 ปี

ในขณะที่ประเทศไทย กรมอนามัยได้เคยประมาณการเกี่ยวกับสัดส่วนของเด็กไทยที่อาจจะเข้าสู่สภาวะเป็นเด็กอ้วนไว้ว่า ในปี 2558 เด็กก่อนวัยเรียนในประเทศไทยจะกลายเป็นเด็กอ้วนในสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 5 นั่นหมายความว่า ในเด็ก 5 คน จะมีเด็กอ้วน 1 คน และเด็กวัยเรียน จะมีสัดส่วนของเด็กอ้วนอยู่ที่ 1 ใน 10

โรคอ้วนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป โดยเฉพาะในสังคมไทย ที่เราอยู่ท่ามกลางสังคมบริโภคนิยม ที่ผ่านมาเรามักจะได้ยินว่า เด็กกับขนมเป็นของคู่กัน แต่ในความเป็นจริง ขนมคือภัยร้ายสำหรับเด็ก โดยเฉพาะขนมในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่ไม่ได้ก่อประโยชน์ให้กับร่างกาย ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นภัยร้ายอีกต่างหาก

แต่ปัญหาใหญ่ของบ้านเราในขณะนี้ก็คือ ไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ ก็มีเจ้าขนมหรืออาหารประเภท หวาน มัน เกลื่อนไปหมด กลายเป็น “ของกินล่อเด็ก” เต็มเมือง และปัญหาเด็กอ้วนกำลังระบาดไปทั่ว

และแน่นอน กลายเป็นปัญหาใหญ่สุดที่ทำให้เด็กและเยาวชนไทยมีโอกาสเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่อ้วนในอนาคตก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

หันกลับมาสำรวจพฤติกรรมของคนเป็นพ่อแม่กันดีกว่าว่ามีส่วนทำให้ลูกต้องเป็นผู้ใหญ่อ้วน เพราะสร้างพฤติกรรมไม่เหมาะสมให้กับลูกตั้งแต่เล็กกันหรือเปล่า

ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ที่เข้าข่ายมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้แล้วล่ะก็ รับประกันได้ว่าลูกของคุณจะเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่อ้วน และมีปัญหาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บตามมาอีกมากมาย

ข้อแรก ค่านิยม

ข้อนี้ยังมีอยู่จริงสำหรับพ่อแม่ที่ชอบให้ลูกยิ่งอ้วนยิ่งจ้ำม่ำยิ่งน่ารัก และมักคิดว่าลูกอ้วนตอนเด็กไม่เป็นไร รอโตขึ้นก็อยากผอมเอง แต่ข้อเท็จจริงกลับตรงกันข้าม เพราะส่วนใหญ่เด็กที่อ้วนเมื่อตอนเด็กจะมีโอกาสเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนในอนาคต

ข้อสอง กลัวลูกไม่อิ่ม

พ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่สร้างนิสัยเรื่องการกินไม่ดีให้ลูกตั้งแต่เล็ก ประเภทกลัวลูกหิว หรือกลัวลูกกินไม่อิ่ม พ่อแม่มักจะคิดเสมอว่าลูกกินไปนิดเดียวไม่น่าอิ่ม เป็นผลให้เด็กเคยชินกับการกินเยอะมากกว่ากินอิ่ม ทั้งที่ในความเป็นจริง เด็กตัวนิดเดียว กินไม่เยอะก็อิ่ม สิ่งสำคัญควรดูจากการเจริญเติบโตของลูก ส่วนสูงและน้ำหนักสัมพันธ์กันไหม มีพัฒนาการรอบด้านหรือไม่

ข้อสาม ตามใจ

เรื่องนี้สำคัญมาก พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยฝึกให้ลูกมีนิสัยการกินอาหารที่มีประโยชน์ แต่กลับตามใจหรือปล่อยให้ลูกกินอาหารที่อร่อยมากกว่ามีประโยชน์ ถ้าเขาถูกตามใจเรื่องพฤติกรรมการกินมาตั้งแต่เล็ก การแก้พฤติกรรมในภายหลังจะทำได้ยากกว่า โดยปกติลูกจะกินอาหารตามพ่อแม่ ยิ่งถ้าพ่อหรือแม่เป็นคนทำอาหารเองก็ยิ่งง่ายต่อการปลูกฝังเรื่องการกินที่ถูกหลักโภชนาการได้ด้วย
ข้อสี่ ชอบกินอาหารนอกบ้าน

นี่ก็เป็นอีกพฤติกรรมหนึ่งที่คนไทยมักมีนิสัยรับประทานอาหารนอกบ้าน ไม่ค่อยปรุงอาหารเอง ดังนั้น ถ้าลูกคุ้นเคยกับการกินอาหารนอกบ้านแล้ว มักจะติดใจและชอบที่จะกินอาหารที่มีแคลอรี่สูง ไขมันสูง เพราะอาหารเหล่านั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ถูกใจผู้บริโภค ยิ่งถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กล่ะก็ เขาจะออกแบบเน้นหวานมันกรอบแคลอรีสูงๆ ทั้งนั้น และเมื่อเด็กบริโภคติดแล้ว โอกาสที่จะกลับมากินอาหารที่มีประโยชน์ก็จะลดน้อยลง

ข้อห้า ไม่ออกกำลังกาย

ข้อนี้ต้องพาดพิงถึงพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ในบ้านที่ไม่ชอบออกกำลังกายด้วย ทำให้ไม่ได้ชวนลูกออกกำลังกาย ควรจะคิดซะว่าเป็นการออกกำลังกายกันทั้งครอบครัว ทำเพื่อทุกคนในครอบครัวจนติดเป็นนิสัย พยายามหาโอกาส หรือสร้างกิจกรรมเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้เคลื่อนไหวร่างกาย ถ้าปลูกฝังตั้งแต่เล็กอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เด็กๆ ติดการออกกำลังกาย ซึ่งจะนำมาสู่การมีสุขภาพร่างกายที่ดี

ปัจจุบันปัญหาเรื่องเด็กอ้วนกำลังกลายเป็นโรคระบาดไปทั่วโลกตามกระแสบริโภคนิยมที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และยากต่อการทัดทาน สิ่งที่จะทำได้ดีที่สุดคือการจัดการความอยากของตัวเอง จัดการกับกิเลสของตัวเอง ซึ่งพ่อแม่เท่านั้นที่จะต้องช่วยลูกจัดการเรื่องนี้ ด้วยการปลูกฝังสิ่งที่ดี ที่เป็นประโยชน์เหมาะสมให้กับลูกตั้งแต่เล็ก
ไม่เช่นนั้นแล้ว พ่อแม่เองนั่นแหละที่เป็นคนสังเวยลูกให้กับโรคอ้วน!!!
 
กำลังโหลดความคิดเห็น