สธ.จับมือ กทม.ร่วมหารือวางแผนรับสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มกปปส.ประสานใช้สถานีรถไฟฟ้าอีทีเอส 3 สถานี ส่งต่อผู้ป่วยจากการชุมนุม ทั้ง เอกมัย สุรศักดิ์ สนามเป้า หวั่นการจราจรติดขัด เชื่อไม่มีเหตุรุนแรง แต่อาจเกิดการเจ็บป่วยจากสภาพอากาศ
วันนี้ (21 ธ.ค.) นพ.สามารถ ตันอริยกุล ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ นพ.สุรินทร์ กู้เจริญประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และนพ.สุพรรณ ศรีธรรมา อธิบดีกรมการแพทย์ หารือเกี่ยวกับการรับมือกับการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มกปปส.โดยมีข้อสรุปว่า เพื่อรับมือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เชื่อว่าพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) จะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น แต่อาจพบการเจ็บป่วยจากโรคเรื้อรัง และสภาพอากาศ เนื่องจากผู้ชุมนุมมีหลายกลุ่มวัย ส่วนการชุมนุมที่มีหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ ทั้งเวทีใหญ่ ที่บริเวณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สยาม ราชประสงค์ สวนลุมพินี อโศก และเวทีย่อย อุรุพงษ์ เจริญผล หัวลำโพง บางรัก ราชเทวี สามย่าน คลองเตย ประตูน้ำ เพลินจิต ทองหล่อ คาดว่าจะทำให้การจราจรติดขัด เป็นอัมพาตหลายพื้นที่ จึงประสานรถไฟฟ้าบีทีเอส ในการขนย้ายลำเอียงผู้ป่วยแทน เบื้องต้นประสานไว้ 3 จุด(สถานี) 1"การขนส่ง ทางทิศเหนือ ใช้สถานีสนามเป้า ส่งต่อไปยังรพ.วิชัยยุทธ รพ.รามาธิบดี รพ.เปาโล 2. การขนส่งทางทิศใต้ ใช้สถานีสุรศักดิ์ ส่งต่อไปยังรพ.เสิศสิน รพ.ศิริราช 3.การขนส่งทิศตะวันออก ใช้สถานีเอกมัย ประสานส่งต่อที่ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ รพ.สิรินทร ทั้งนี้การขนส่งดังกล่าวจะมีรถพยาบาลฉุกเฉินประจำตามจุด และใช้ทางด่วนในการขนย้ายผู้ป่วย
นพ.สุรินทร์ กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกการขนส่งทางรถไฟฟ้าบีทีเอส เพราะเชื่อว่าการจราจรอาจติดขัด อีกทั้งระบบขนส่งมีรถไฟฟ้าวิ่งเฉลี่ยทุกๆ 5 นาที พร้อมกันสำหรับพื้นที่การชุมนุมได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบออกเป็น 7 โซน ได้แก่สภากาชาดไทย กระทวงสาธารณสุข สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร วชิรพยาบาล รพ.กรุงเทพ (ในฐานะภาคเอกชนดูแล) กระจายตามจุดต่างๆ และยังคงใช้แผนปฏิบัติการ เอราวัณ 2 รับสถานการณ์เช่นเดิม
สำหรับการชุมนุมใหญ่ที่ผ่านมา (9 ธ.ค.) พบผู้เจ็บป่วยเล็กน้อย ประมาณ ไม่ถึง 100 ราย ส่วนใหญ่มีอาการเป็นลมเวียนศีรษะ
วันนี้ (21 ธ.ค.) นพ.สามารถ ตันอริยกุล ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ นพ.สุรินทร์ กู้เจริญประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และนพ.สุพรรณ ศรีธรรมา อธิบดีกรมการแพทย์ หารือเกี่ยวกับการรับมือกับการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มกปปส.โดยมีข้อสรุปว่า เพื่อรับมือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เชื่อว่าพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) จะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น แต่อาจพบการเจ็บป่วยจากโรคเรื้อรัง และสภาพอากาศ เนื่องจากผู้ชุมนุมมีหลายกลุ่มวัย ส่วนการชุมนุมที่มีหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ ทั้งเวทีใหญ่ ที่บริเวณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สยาม ราชประสงค์ สวนลุมพินี อโศก และเวทีย่อย อุรุพงษ์ เจริญผล หัวลำโพง บางรัก ราชเทวี สามย่าน คลองเตย ประตูน้ำ เพลินจิต ทองหล่อ คาดว่าจะทำให้การจราจรติดขัด เป็นอัมพาตหลายพื้นที่ จึงประสานรถไฟฟ้าบีทีเอส ในการขนย้ายลำเอียงผู้ป่วยแทน เบื้องต้นประสานไว้ 3 จุด(สถานี) 1"การขนส่ง ทางทิศเหนือ ใช้สถานีสนามเป้า ส่งต่อไปยังรพ.วิชัยยุทธ รพ.รามาธิบดี รพ.เปาโล 2. การขนส่งทางทิศใต้ ใช้สถานีสุรศักดิ์ ส่งต่อไปยังรพ.เสิศสิน รพ.ศิริราช 3.การขนส่งทิศตะวันออก ใช้สถานีเอกมัย ประสานส่งต่อที่ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ รพ.สิรินทร ทั้งนี้การขนส่งดังกล่าวจะมีรถพยาบาลฉุกเฉินประจำตามจุด และใช้ทางด่วนในการขนย้ายผู้ป่วย
นพ.สุรินทร์ กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกการขนส่งทางรถไฟฟ้าบีทีเอส เพราะเชื่อว่าการจราจรอาจติดขัด อีกทั้งระบบขนส่งมีรถไฟฟ้าวิ่งเฉลี่ยทุกๆ 5 นาที พร้อมกันสำหรับพื้นที่การชุมนุมได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบออกเป็น 7 โซน ได้แก่สภากาชาดไทย กระทวงสาธารณสุข สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร วชิรพยาบาล รพ.กรุงเทพ (ในฐานะภาคเอกชนดูแล) กระจายตามจุดต่างๆ และยังคงใช้แผนปฏิบัติการ เอราวัณ 2 รับสถานการณ์เช่นเดิม
สำหรับการชุมนุมใหญ่ที่ผ่านมา (9 ธ.ค.) พบผู้เจ็บป่วยเล็กน้อย ประมาณ ไม่ถึง 100 ราย ส่วนใหญ่มีอาการเป็นลมเวียนศีรษะ