จัดตั้งสำนักงานเคลียริงเฮาส์สะดุด “หมอประดิษฐ” ชี้ต้องรอเข้า ครม.อีกครั้งเพื่อประกาศอย่างเป็นทางการ แนะทำเรื่องโครงสร้างและร่างกฤษฎีการอไปก่อน ยันไม่ท้อที่ปฏิรูป สธ.ไม่สำเร็จในสมัยตัวเอง โดยทั้งหมดอยู่ที่ฝ่ายข้าราชการประจำ
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงนโยบายบูรณาการ 3 กองทุน ทั้งเจ็บป่วยฉุกเฉิน 3 กองทุน หรือการเตรียมการตั้งสำนักงานดูแลระบบเคลียริงเฮาส์ ที่ต้องสะดุดเพราะมีการยุบสภา ว่า ทั้งสองเรื่องดังกล่าว แม้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติในขั้นต้นให้มีการตั้งสำนักงานเคลียริงเฮาส์ แต่เป็นมติเบื้องต้น เพราะต้องเข้า ครม.อีกครั้งเพื่อประกาศอย่างเป็นทางการในการตั้งสำนักงานฯ และการออกเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงเป็นเพียงการเตรียมการขั้นพื้นฐาน เช่น ผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ในเรื่องโครงสร้างและทำร่างของกฤษฎีกาก่อน แต่ทั้งหมดต้องจบที่ส่วนข้าราชการ และหากทางการเมืองฝ่ายรัฐบาลใหม่มาก็อาจเดินหน้าต่อได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในกรณีที่ก่อนหน้านี้จะมีการจ้างพนักงานในสำนักงานเคลียริงเฮาส์ นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ยังไม่ได้จ้าง ที่จ้างเข้ามาเป็นการเตรียมพร้อม แต่เป็นพนักงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงไม่มีปัญหา ส่วนจะเดินหน้าอย่างไรก็ต้องรอรัฐบาลใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกเสียดายหรือท้อแท้กรณีการปฏิรูป สธ.ที่ปูทางไว้ในสมัยตัวเอง แต่กลับทำไม่ได้ นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ไม่ท้อ เชื่อว่าประชาชนและประชาคมสาธารณสุขจะมองเห็นว่าควรทำอย่างไรบ้าง ตนไม่ได้ยึดติด ซึ่งหากสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีก็ควรเดินหน้าไม่ว่ารัฐบาลไหน ตนไม่ได้ท้อ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้เข้ามาริเริ่ม และจุดชนวนบางอย่างที่ดีในกระบวนการทางความคิด ทั้งหมดจึงอยู่ที่ฝ่ายข้าราชการประจำ เพราะการปฏิรูปแบ่งเขตสาธารณสุข เป็นการบริหารของข้าราชการประจำอยู่แล้ว
“เรื่องการบูรณาการ 3 กองทุนถือเป็นสิ่งที่ดี อย่างเรื่องเจ็บป่วยฉุกเฉินก็ต้องเดินหน้าอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาได้ตามรองปลัด สธ.ที่ดูแลเรื่องนี้ว่ามีความคืบหน้าได้อย่างไร เพราะเรื่องนี้มีการทำงานตามอำนาจในกฎหมายอยู่แล้ว มีการตกลงการเบิกจ่ายในส่วนของ รพ.เอกชนที่เคยร้องมาก่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ส่วนเรื่องอื่นๆ ทั้งโรคไต เอดส์ มะเร็ง ก็เป็นขั้นตอนระเบียบว่าจะทำยังไงไม่ให้การรักษาเหลื่อมล้ำกัน ตรงนี้เป็นขั้นตอนการปฏิบัติแล้ว อยู่ที่ข้าราชการว่าจะมองเรื่องนี้เป็นอย่างไรและจะนำไปสานต่อหรือไม่”
รักษาการ รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่า ส่วนนโยบายต่างๆ ต้องหยุดไปก่อน เนื่องจากการทำเมกะโปรเจกต์ หรือการปรับปรุงยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขในระดับ สากล เป็นกระบวนการริเริ่มก่อนสานต่อในรัฐบาลใหม่ เพราะต้องใช้งบประมาณ ต้องลงทุนจ้าง เพิ่มบุคลากร เป็นผลผูกพันระยะยาว ในระดับข้าราชการประจำหากเห็นด้วยก็ทำข้อมูลพื้นฐานไปก่อน และค่อยรอรัฐบาลใหม่