มติบอร์ดคุรุสภาไฟเขียวประกาศรับรองปริญญา มีผลให้ นิสิต-นศ.ครูทุกคนต้องเข้ารับการทดสอบเพื่อรับตั๋วครู จากเดิมที่จบแล้วจะได้รับอัตโนมัติ เริ่มใช้ทันทีกับ นิสิต-นศ.ที่เข้าเรียนปีการศึกษา 2557 และจบในปี 2562 ประธานบอร์ดระบุ ย้ำหากจะพัฒนาวิชาชีพครูก็ต้องปรับรูปแบบ ยันไม่ปิดกั้นหากสอบปีแรกไม่ผ่านสามารถสอบปีถัดไปได้ ยันหากไม่มีตั๋วครูไม่มีสิทธิสอน ยอมรับประเด็นนี้เกิดข้อถกเถียงในที่ประชุมเพราะมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการให้ทุกคนต้องสอบ เผยระหว่าง สภาคณบดีศึกษาฯ ครุศาสตร์และคุรุสภา ต้องร่วมวางมาตรฐานการจัดทดสอบต่อไป
ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานคณะกรรมการคุรุสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างประกาศคุรุสภาเรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาเพื่อการประกอบวิชาชีพ พ.ศ... โดยมีสาระสำคัญ คือ คณะครุศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ในสถาบันอุดมศึกษาต้องดำเนินการเกี่ยวกับเกณฑ์การรับรองปริญญารูปแบบใหม่ คือ นิสิต นักศึกษาที่จบปริญญาตรีสาขาดังกล่าวจะยังไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูโดยอัตโนมัติเหมือนที่ผ่านมา แต่จะต้องผ่านการทดสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูว่าเป็นครูได้หรือไม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวิชาชีพครูที่ต้องมีการตรวจสอบและดูแลคุณภาพวิชาชีพอย่างเข้มข้น แต่อาจเป็นภาระของสถาบันการศึกษาและผู้เรียนที่ต้องการจะเข้าสู่วิชาชีพครูต้องสนใจ ตั้งใจ และเตรียมตัวมากกว่าที่เป็นอยู่
ทั้งนี้ แนวทางการสอบเพื่อให้มีใบอนุญาตฯ ดังกล่าวจะใช้กับนิสิต-นักศึกษาสาขาครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ที่เข้าศึกษาในปีการศึกษา 2557 เป็นต้นไป และจะเริ่มสอบเมื่อนิสิต-นักศึกษากลุ่มนี้จบการศึกษาประมาณปี พ.ศ 2562 เพราะฉะนั้นระหว่างนี้คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ และคุรุสภาจะต้องร่วมกันเตรียมการจัดสอบให้เหมาะสมและมีคุณภาพตรงกับความต้องการของหน่วยงานที่จะใช้ครู อย่างไรก็ตาม การสอบรับใบอนุญาตฯ ดังกล่าวสามารถสอบได้หลายครั้งไม่ใช่แค่ครั้งเดียว หากปีนี้สอบไม่ผ่านก็ยังสามารถสอบได้ในปีต่อๆ ไปจนกว่าจะได้ แต่หากไม่ได้ก็ไม่สามารถเข้าสอนในสถาบันการศึกษาใดๆ ได้ เพราะคุรุสภาจะไม่ออกรับรองการสอนชั่วคราวให้ได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ส่วนผู้ที่เรียนจบสาขาอื่นมาและต้องการจะมาเป็นครูนั้นไม่ได้กำหนดให้มาสอบแต่จะมีกระบวนการที่ดำเนินการกันอยู่โดยกำหนดให้เรียนปริญญาโทสาขาการศึกษาแล้วมาขอใบอนุญาตฯ
“ถ้าจะพัฒนาวิชาชีพครูแต่ทำเหมือนที่ผ่านมาก็จะมีค่าเท่าเดิม ดังนั้น ถ้าอยากจะให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นก็ควรที่จะต้องทำเพื่อให้วิชาชีพครูได้รับการดูแลและพัฒนาคุณภาพอย่างจริงจัง และให้สังคมเชื่อมั่นว่าเป็นวิชาชีพที่ได้รับการตรวจสอบประเมินมากขึ้น และสุดท้ายจะเกิดประโยชน์กับสังคมเมื่อได้ครูดีเข้ามา ฉะนั้นการกำหนดให้มีการทดสอบเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพถือเป็นสิ่งที่ดี” ศ.ดร.ไพฑูรย์ กล่าวและว่า ขั้นตอนจากนี้ไปตนจะต้องเป็นผู้ลงนามในร่างประกาศดังกล่าว
ด้าน ผศ.ดร.สุรวาท ทองบุ กรรมการคุรุสภาและในฐานะประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ร่างประกาศคุรุสภาฯ ที่ออกมานั้นจะเป็นการยกระดับวิชาชีพครูเช่นเดียวกับวิชาชีพอื่นๆ เช่น วิชาชีพแพทย์ ที่จะต้องมีการสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพไม่ได้ให้ใบประกอบวิชาชีพเลย ซึ่งสภาคณบดีคณะครุศาสตร์ฯ กังวลเพียงว่าประสิทธิภาพของการสอบจะต้องพัฒนาระบบการสอบที่มีประสิทธิภาพและจะต้องวัดในเรื่องสมรรถนะการเป็นครูมากกว่าจะวัดความรู้การเป็นครูและจะต้องไม่ละเลยกระบวนการผลิตและคุรุสภาจะต้องควบคุมระบบการติวในการสอบ ทั้งนี้ ร่างประกาศคุรุสภาฯ ดังกล่าวจะมีข้อกำหนดในมาตรฐานด้วยว่าห้องเรียนหนึ่งของครุศาสตร์ และศึกษาศาสตร์จะต้องมีนักศึกษาไม่เกิน 30 คนและอาจารย์ 1 คนจะต้องดูแลนักศึกษาสัดส่วนไม่เกิน 10 คน สิ่งนี้จะเป็นข้อกำหนดในคุณภาพไม่ใช่รับนักศึกษามากเกินไป นอกจากนี้สถาบันการผลิตที่จะขอรับการประเมินเพื่อรับรองปริญญาหรือประกาศนียบัตรจะต้องยืื่นขอต่อคุรุสภาก่อนเปิดสอนไม่น้อยกว่า 60 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว มีกรรมการคุรุสภาบางส่วนบอกว่าผลการประชุมที่ออกมาไม่ได้กำหนดให้นิสิต นักศึกษา ครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์จะต้องผ่านการทดสอบแต่จะให้ทดสอบเฉพาะนิสิต นักศึกษาในสถาบันที่ไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์การรับรอง แต่เมื่อสอบถามไปยัง ศ.ดร.ไพฑูรย์ อีกครั้งยืนยันร่างประกาศคุรุสภาฯ กำหนดให้นิสิต นักศึกษาทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ซึ่งเรื่องนี้ได้มีข้อถกเถียงในที่ประชุมค่อนข้างมากเนื่องจากมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะกำหนดให้สอบทุกคน
