กรมควบคุมโรคเผยมีคนตายเพราะฤดูหนาวปีที่แล้ว 18 คน พบวัย 50 กว่าปี มีอัตราตายสูงสุด เตือนอย่าอาบน้ำอุ่นด้วยการใช้ก๊าซหุงต้ม อาจหมดสติในห้องน้ำ เสี่ยงเสียชีวิต แนะสวมเสื้อผ้าไม่ต้องหนามาก แต่หลายๆ ชั้น สร้างความอบอุ่นมากกว่า
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ของไทยมีอุณหภูมิต่ำกว่า 14 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ จากการที่สํานักระบาดวิทยา คร.ได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์การเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะอากาศหนาวปี 2555 โดยการรวบรวม ตรวจสอบข้อมูลการเสียชีวิตที่อาจเกี่ยวเนื่องกับภาวะอากาศหนาวเย็น จากข่าวสารและรายงานจากสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พบว่า มีทั้งหมด 24 ราย สอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด มีผู้เสียชีวิตเข้าเกณฑ์ 18 ราย และไม่เข้าเกณฑ์ 7 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้ง 18 ราย พบว่า เป็นเพศชาย 17 ราย และ หญิง 1 ราย พบการเสียชีวิตสูงสุดในเดือนมกราคม 2556 (ร้อยละ 55.56) รองลงมาคือ เดือนธันวาคม 2555 (ร้อยละ 38.89) กลุ่มอายุที่มีอัตราตายสูงสุด คือ อายุระหว่าง 50-54 ปี รองลงมาคือ อายุระหว่าง 35-39 ปี และ 65 ปีขึ้นไป
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า นอกจากโรคติดต่อในฤดูหนาว 6 โรคที่ต้องระวังแล้ว ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด อีสุกอีใส มือเท้าปาก และ อุจจาระร่วง สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ การดื่มสุราแก้หนาว การผิงไฟในที่อับ ไม่มีอาการถ่ายเท และใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้พลังงานจากแก๊สหุงต้ม ซึ่งทั้งสามเรื่องอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ อย่างการอาบน้ำอุ่นด้วยการใช้แก๊สหุงต้ม ถ้าไม่มีเครื่องระบายอากาศ ควรเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อให้อากาศถ่ายเท มิเช่นนั้นอาจหมดสติในห้องน้ำและเสียชีวิตได้
“สิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือ เสื้อผ้าและผ้าห่มกันหนาวให้เพียงพอกับสมาชิกในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องหนามาก แต่ให้มีจำนวนเพียงพอกับสมาชิก และสามารถพลัดเปลี่ยนหรือหมุนเวียนซักล้างได้ ที่สำคัญควรเป็นเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว โดยสวมเสื้อผ้าหลายๆ ชั้น จะทำให้ร่างกายอบอุ่นมากกว่าการสวมเสื้อผ้าหนาๆ ชั้นเดียว นอกจากนี้ ต้องมีขนาดพอดีตัว เพราะการสวมเสื้อผ้าที่ขนาดเล็กและรัดรูปจนเกินไป อาจทำให้การไหลเวียนเลือดน้อยลง และไม่สามารถสร้างความอบอุ่นได้ดีนัก ถ้าสามารถทำได้ควรสวมถุงมือ ถุงเท้า และผ้าพันคอ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ และในเวลานอนหลับตอนกลางคืน” อธิบดี คร. กล่าว