xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง! คนไทยผลิตขยะ 14 ล้านตันต่อปี เสี่ยงเป็นโรคผิวหนัง-ทางเดินหายใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.เผยขยะในประเทศไทยมีมากกว่า 14 ล้านตันต่อปี มาจากการขยายตัวของชุมชน ชี้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค โดยเฉพาะในเด็ก-ผู้สูงอายุ เตรียมจัดโครงการ “สัปดาห์ความสะอาดแห่งชาติ บ้าน ชุมชน ตลาด สะอาด ปลอดโรค ปลอดภัย” หวังให้ประชาชนตื่นตัว
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
วันนี้ (18 พ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานแถลงข่าว “สัปดาห์ความสะอาดแห่งชาติ บ้าน ชุมชน ตลาด สะอาด ปลอดโรค ปลอดภัย” ว่า ปัจจุบันคนไทยกว่า 60 ล้านคน สามารถสร้างขยะได้มากถึง 14 ล้านตันต่อปี แต่การจัดการขยะมีไม่ถึง 70% ขยะเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลง และสัตว์พาหะนำโรค เช่น หนู แมลงวัน แมลงสาบ ซึ่งก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคบิด ไข้ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค กาฬโรค ฯลฯ การสูดดมขยะ ฝุ่นละออง ก๊าซ หรือไอสารพิษจากขยะอันตรายยังส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ หรือการดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังเมื่อสัมผัสขยะ อาจก่อให้เกิดโรคผิวหนัง และโรคมะเร็งได้ และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเติบโตของเมืองมากขึ้น ประชากรเพิ่มขึ้น และกระแสบริโภคนิยมส่งผลกระทบต่ออนามัยสิ่งแวดล้อมของประเทศ เช่น ปัญหามลพิษอากาศ ปัญหาการเพิ่มขึ้นของชุมชนแออัดในเขตเมือง ปัญหาขยะมูลฝอย ปัญหาสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาลอาหาร ซึ่งปัญหาดังกล่าวก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหารและโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ และประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่เป็นกลุ่มเสี่ยง นอกจากนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพิ่มขึ้น เช่น โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ รวมถึงการป่วยจากเหตุอาคาร (Sick building syndrome) ที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง จากสถานการณ์ดังกล่าวกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยจึงเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2555-2559 ในการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม ของประเทศ ด้วยการพัฒนาสภาพแวดล้อมและบ้านเรือนให้สะอาด ถูกสุขลักษณะ พร้อมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัวในกิจกรรมรณรงค์ขึ้นมา

ด้านนพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ประชาชนที่อยู่ในบ้านและชุมชนต้องมีการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ถูกสุขลักษณะเพื่อลดโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากโรคภูมิแพ้จัดเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก ส่วนใหญ่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อับทึบ ชื้น มีเชื้อรา หรือฝุ่นละออง จึงควรจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้สะอาด เป็นระเบียบ โดยเฉพาะห้องนอน ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และรับแสงสว่างจากธรรมชาติ เพื่อลดจำนวนเชื้อรา หมั่นทำความสะอาดอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพื่อลดการสะสมของเศษผิวหนังตกค้าง ซึ่งจะเป็นอาหารของไรฝุ่น หากพบว่าบริเวณใดของบ้านมีเชื้อรา เช่น ห้องน้ำ ฝาผนังที่ชื้น ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำผสมคลอรีน ซึ่งหากทำความสะอาดทั่วไปให้ใช้คลอรีน 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 แกลลอน ส่วนการฆ่าเชื้อโรคให้ใช้คลอรีน ¾ ถ้วย ต่อน้ำ 1 แกลลอน การเก็บรวบรวมเศษขยะ สิ่งปฏิกูล ให้ใส่ถุงมัดปากถุงให้แน่น เพื่อรอหน่วยงานนำไปกำจัด ส่วนส้วมที่ชำรุดเสียหาย ควรเร่งซ่อมแซมให้ใช้งานได้ดี ไม่มีสิ่งปฏิกูลรั่วไหลออกมาภายนอก และดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคยุงลาย หนู แมลงสาบ ที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกและโรคติดต่อต่างๆ

สำหรับตลาดสด ผู้ประกอบการควรล้างตลาดเดือนละ 1 ครั้ง ในช่วงภาวะปกติ แต่หากเป็นช่วงที่มีการระบาดของโรค เช่น ไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ ควรล้างสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยการล้างตลาดควรคำนึงถึง 3 จุดสำคัญ ได้แก่ พื้น เขียง แผง การล้างตลาดที่ถูกหลักสุขาภิบาลมี 2 ขั้นตอนสำคัญคือ ขั้นตอนที่ 1 การล้างด้วยน้ำและผงซักฟอกเพื่อกำจัดคราบสกปรก แต่หากมีคราบไขมันจับให้ใช้น้ำผสมโซดาไฟราดลงบนพื้นหรือแผงทิ้งไว้นาน 15-30 นาที และใช้แปรงลวดถู เพื่อขจัดคราบน้ำมัน ขั้นตอนที่ 2 เป็นขั้นตอนการฆ่าเชื้อโรค ใช้น้ำผสมผงปูนคลอรีนใส่ลงในฝักบัวรดน้ำและรดบริเวณแผง เขียง ทางเดิน ทางระบายน้ำเสียให้ทั่ว จากนั้นทิ้งไว้เพื่อให้คลอรีน ฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่น ส่วนบริเวณที่มีกลิ่นคาวให้ใช้หัวน้ำส้มสายชูผสมน้ำให้เจือจางราดบริเวณที่มีกลิ่นคาว ห้องน้ำ ห้องส้วม อ่างล้างมือ ที่ปัสสาวะและก๊อกน้ำสาธารณะที่ใช้ในตลาดต้องทำความสะอาดโดยใช้น้ำยา ทำความสะอาด หรือผงซักฟอกช่วยและล้างด้วยน้ำสะอาด” รองอธิบดีกรมอนามัยกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น