“อภิชาติ” ขอขยายเวลาเก็บหลักฐานเชือดทุจริตครูผู้ช่วย ขรก.8 รายออกไปอีก 60 วันครบกำหนด 8 ม.ค.57 สอบสวนพยานเพิ่มเติม ชี้ต้องรอ “จาตุรนต์” ไฟเขียว ขณะที่ “ชินภัทร” คณะกรรมการฯยังไม่ฟันคดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ คาดสรุปผลได้เดือนธ.ค.นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงกรณีทุจริตการจัดสอบคัดเลือกครูและบุคลากรทางการศึกษา กรณีพิเศษหรือเหตุจำเป็น ว 12 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ซึ่งมี นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ข้าราชการจำนวน 8 ราย ได้แก่ นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ กพฐ. นายชินภัทร นายอนันต์ ระงับทุกข์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.อดีตรองเลขาธิการ กพฐ. นายไกร เกษทัน ผู้อำนวยการสำนักติดตามและประเมินผล สพฐ.อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สพฐ.และเจ้าหน้าที่ซึ่งมี นายบุญสืบ เทียมหยิน นายสมโภช บุญมา และนายอเนก ปัญเศษ ในฐานกระทำผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความลับของราชการ อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ นายอภิชาติ ได้ทำหนังสือเสนอมายังนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอขยายระยะเวลาการสอบสวน
แหล่งข่าว ศธ.กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุผลในการขอขยายเวลานั้นระบุว่า ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงได้แจ้งข้อกล่าวหา สว 2 ให้ผู้ถูกกล่าวหาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 และครบกำหนดรวบรวมพยานหลักฐานเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2556 แต่เนื่องจากคณะกรรมการการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้ขอขยายเวลารวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมออกไปอีก 60 วันซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 8 มกราคม 2557 โดยจากนี้จะต้องรอนายจาตุรนต์ จะพิจารณาให้ตามที่คณะกรรมการฯ ขอขยายเวลาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ นายชินภัทร นั้น นอกจากอยู่ระหว่างจากคณะกรรมการในฐานกระทำผิดระเบียบสำนักนายกฯ แล้ว ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรงฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงด้วย ซึ่งยังไม่สรุปผลการสอบสวน เพราะต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมแต่คาดว่าจะสรุปผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงในฐานความผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ดังกล่าวได้ในเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการสรุปผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วจะต้องรายงานต่อ รมว.ศึกษาธิการ และกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องส่งสำนวนและหลักฐานเพิ่มเติมไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป
แหล่งข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงกรณีทุจริตการจัดสอบคัดเลือกครูและบุคลากรทางการศึกษา กรณีพิเศษหรือเหตุจำเป็น ว 12 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ซึ่งมี นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ข้าราชการจำนวน 8 ราย ได้แก่ นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ กพฐ. นายชินภัทร นายอนันต์ ระงับทุกข์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.อดีตรองเลขาธิการ กพฐ. นายไกร เกษทัน ผู้อำนวยการสำนักติดตามและประเมินผล สพฐ.อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สพฐ.และเจ้าหน้าที่ซึ่งมี นายบุญสืบ เทียมหยิน นายสมโภช บุญมา และนายอเนก ปัญเศษ ในฐานกระทำผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความลับของราชการ อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ นายอภิชาติ ได้ทำหนังสือเสนอมายังนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอขยายระยะเวลาการสอบสวน
แหล่งข่าว ศธ.กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุผลในการขอขยายเวลานั้นระบุว่า ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงได้แจ้งข้อกล่าวหา สว 2 ให้ผู้ถูกกล่าวหาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 และครบกำหนดรวบรวมพยานหลักฐานเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2556 แต่เนื่องจากคณะกรรมการการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้ขอขยายเวลารวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมออกไปอีก 60 วันซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 8 มกราคม 2557 โดยจากนี้จะต้องรอนายจาตุรนต์ จะพิจารณาให้ตามที่คณะกรรมการฯ ขอขยายเวลาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ นายชินภัทร นั้น นอกจากอยู่ระหว่างจากคณะกรรมการในฐานกระทำผิดระเบียบสำนักนายกฯ แล้ว ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรงฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงด้วย ซึ่งยังไม่สรุปผลการสอบสวน เพราะต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมแต่คาดว่าจะสรุปผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงในฐานความผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ดังกล่าวได้ในเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการสรุปผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วจะต้องรายงานต่อ รมว.ศึกษาธิการ และกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องส่งสำนวนและหลักฐานเพิ่มเติมไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป