“ประชาธิปไตย ประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนเป็นใหญ่นั้นมันไม่แน่ ประชาชนบ้าบอก็ได้ประชาชนเห็นแก่ตัว โดยประชาชน ของประชาชน เพื่อประชาชน ถ้าประชาชนเห็นแก่ตัวแล้วฉิบหายหมด
“ระบบประชาธิปไตย มันเป็นระบบครองโลกหรือเกี่ยวถึงกันไปหมดทั้งโลก ถ้าว่าระบบนี้มันมืดมิดแล้วก็ ทั้งโลกมันจะมืดมิด แล้วมันก็กำลังมืดมิดเพราะว่าความเป็นประชาธิปไตยมันไม่ค่อยจะมีทางประชาธิปไตยนั่นฟ้าสางอย่างไร พูดสั้น ๆ ก็ว่า คือการทำให้ศีลธรรมกลับมาเป็นรากฐานของประชาธิปไตย ประชาธิปไตยนี้มันดีต่อเมื่อมีศีลธรรมเป็นรากฐาน ถ้าไม่มีศีลธรรมเป็นรากฐานมันก็เป็นประชาธิปไตยโกง
“ประชาธิปไตยโกงนั่นมันร้ายกาจอย่างไร คือประชาชนทั้งหลายไม่มีศีลธรรม แต่ถือระบบประชาธิปไตย มันก็มีโอกาสที่จะใช้กิเลสของตนอย่างเสรี แต่ละคนๆ มีเสรีภาพที่จะใช้กิเลสของตนอย่างเต็มที่ แล้วจะทนไหวหรือ ในเมื่อทุกคนใช้กิเลสของตนอย่างเต็มที่
“เมื่อประชาชนทุกคนมันไม่มีศีลธรรม มันโกง มันก็เลือกผู้แทนโกง ระวังให้ดี อย่าเป็นประชาชนโกง เลือกผู้แทนโกง มันจะเป็นการทำลายเกินไป
“เมื่อประชาชนเลือกผู้แทนโกง ก็ได้ผู้แทนโกง ผู้แทนโกงทั้งหลายไปประกอบกันเป็นรัฐสภา ก็เป็นรัฐสภาโกง รัฐสภาโกงไปตั้งคณะรัฐบาล ก็เป็นคณะรัฐบาลโกง เจ้าหน้าที่ทุกคนก็เป็นคนโกง โกงกันทั้งบ้านทั้งเมือง จนกระทั่งพระเจ้าพระสงฆ์ก็ไม่เว้น หรือจะโกงขึ้นไปถึงเทวดา เพราะว่าคนโกงมันทำบุญทำกุศลไปเกิดเป็นเทวดา มันก็เป็นเทวดาโกง โกงกันหมดทั้งจักรวาล แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร”
……………………………………
คำกล่าวของท่านพุทธทาสภิกขุ ที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา และทำให้ได้ข้อคิดสะกิดใจในทุกเรื่องว่า ต่อให้ระบบดีที่สุดก็ตาม แต่ถ้าผู้มีอำนาจ ไร้ซึ่งคุณธรรม จริยธรรมในการกำกับ สุดท้ายก็จะกลายเป็นมหันตภัยอยู่ดี
ถ้าเปรียบถึงเรื่องการเลี้ยงดูลูก ต่อให้พ่อแม่มีชาติตระกูลที่ดี มีฐานะที่ดี มีการศึกษาที่ดี แต่ขาดการปลูกฝังและส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม สุดท้ายเด็กเหล่านี้จะเติบโตขึ้นไปเป็นอย่างไร?
สภาพสังคมยุคปัจจุบันมีความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่ทำให้รูปแบบของสังคมเข้าสู่ความไม่ปกติ และทำให้เด็กเติบโตขึ้นมากลายเป็นปัญหาของสังคม เพราะสภาพครอบครัวส่วนใหญ่ในยุคนี้อ่อนแอ ปัญหาการหย่าร้างเพิ่มมากขึ้น ความไม่พร้อมของการเลี้ยงดูลูก หรือเลี้ยงดูอย่างไม่ถูกวิธี ในขณะที่สิ่งยั่วยุในสังคมกลับเกลื่อนเมือง และพร้อมสุดๆ ในการจะชักนำเด็กที่มีภาวะอ่อนแอทางจิตใจให้หลงผิด
ฉะนั้น โอกาสที่เด็กจะเดินในเส้นทางที่ผิดก็เป็นไปได้มาก จะเห็นได้จากยุคข้อมูลข่าวสารล้น เด็กๆ ถูกปล่อยไว้กับเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ ทีวี สารพัดสมาร์ทโฟน ฯลฯ ซึ่งมีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้สมองของเด็กถูกทำลายลงด้วย
นักวิชาการทางด้านสมองต่างก็เน้นย้ำให้พ่อแม่เห็นความสำคัญเรื่องการส่งเสริมและกระตุ้นเรื่องสมองน้อยๆ ของเด็ก เพราะช่วงวัย 6 ขวบปีแรกของชีวิตเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด พ่อแม่ไม่ควรปล่อยผ่าน ควรจะช่วยส่งเสริมและกระตุ้นสมองลูกน้อยในช่วงวัยนี้ มิเช่นนั้นแล้ว เมื่อพ้นวัยสำคัญของช่วงชีวิตนี้ไปก็น่าเสียดาย
ที่สำคัญ พื้นฐานของการที่เด็กได้รับการเลี้ยงดูในวัยนี้จะเป็นเสมือนฐานชีวิตให้กับเด็กเมื่อเติบโตขึ้นไป ว่าจะมีพัฒนาการที่ดีหรือไม่ เพราะพัฒนาการทางสมองบางเรื่องต้องกระตุ้นในช่วง 6 ปีแรกของชีวิตเท่านั้น ในขณะที่บางเรื่องก็สามารถกระตุ้นได้ภายในอายุ 12 ปี
ขณะเดียวกันพ่อแม่ ผู้ปกครองต้องส่งเสริมกระบวนการคิด ต้องเปิดโอกาสและต้องเป็นคนช่วยกระตุ้นความคิดของเด็กด้วย เพราะกระบวนการคิดจะทำให้เด็กได้ใช้สมอง ถ้าเด็กไม่ได้ถูกกระตุ้นเรื่องสมอง ก็จะทำให้สมองส่วนนั้นๆ หายไป ปัจจุบันน่าเสียดายที่พ่อแม่อาจจะไม่ค่อยมีเวลา ทำให้เด็กๆ เสียโอกาสเรื่องกระบวนการคิด โดยเฉพาะสมองในส่วนของคุณธรรม จริยธรรม เป็นเรื่องที่พ่อแม่สามารถปลูกฝังได้ และต้องทำตั้งแต่เล็ก
แต่ปัจจุบันพ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่มุ่งประเด็นกระตุ้นสมองด้วยการยัดเยียดให้เด็ก ๆ เรียนพิเศษกันสารพัด เพราะเข้าใจว่าถ้าลูกเรียนเก่งก็เท่ากับว่าเป็นการพัฒนาสมองเด็ก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ที่จริงแล้วเรื่องการพัฒนาสมองของเด็ก ต้องพัฒนาอย่างรอบด้าน ไม่ใช่เน้นเรื่องวิชาการ เพราะอาจนำไปสู่ความเครียดในเด็กได้
ถ้าพ่อแม่เพ่งเรื่องการเรียนเก่งคือคนเก่ง คือคนดีที่เชื่อฟังพ่อแม่ ลูกก็จะมุ่งแต่เรียนอย่างเดียว มุ่งสู่การแข่งขันอย่างเดียว แล้วโลกแห่งการแข่งขันนี่แหละที่นำไปสู่การเห็นแก่ตัว และท้ายที่สุดก็อาจไม่สนใจวิธีการที่ได้มาเพื่อชัยชนะ และถ้าเด็กขาดคุณธรรม จริยธรรม สุดท้ายก็จะไม่สนใจเรื่องการให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ และนำไปสู่การโกงในที่สุดถ้าจำกันได้กับเป้าประสงค์ของสังคมภายหลังจากที่มีการปฏิรูปการศึกษาครั่งแรกเมื่อครั้งปี 2542 เราได้ยินเป้าหมายสวยหรูยุคนั้นว่า อยากให้เด็กไทยเป็น “เด็กเก่ง ดี มีสุข”
แต่นับวันเส้นทางการดำเนินชีวิต การเห็นตัวอย่างในสังคม การใช้อำนาจในการล้างผิดให้ตัวเอง มันกำลังทำให้เรากำลังสร้างเป้าประสงค์ใหม่ให้เด็กยุคหน้าเป็น “โกง ชั่ว มีเงิน” หรือเปล่าเพราะตัวอย่างในบ้านเมืองมีให้เห็นมากมายว่า ท้ายที่สุดคนมีเงิน มีอำนาจ และขาดคุณธรรม จริยธรรม ก็พร้อมจะโกงและชั่วได้ทุกรูปแบบ อยากให้เด็กและเยาวชนยุคหน้าเป็นแบบไหน ผู้ใหญ่ยุคนี้ต้องเลือกกันแล้วล่ะค่ะ