สอบคัดเลือกเด็ก 1 อ.1 ทุนรุ่น 4 รอบ 2 วันที่ 27 ต.ค.นี้ ปลัด ศธ.ระบุแม้ได้ไม่ครบจำนวนทุนก็ไม่เปิดรอบ 3 แน่นอน เหตุเวลาไม่เอื้อ ทั้งต้องเตรียมการสำหรับรับสมัครรุ่นที่ 5 เผยจะสรุปข้อดีข้อเสียของการดำเนินการ โดยเฉพาะปัญหาเด็กไม่ครบจำนวนทุนเพราะติดขัดทั้งเรื่องเกณฑ์ขั้นต่ำและระยะเวลาการสมัคร แต่ยันไม่ปรับลดเกณฑ์แน่นอน เพราะต้องการคนมีศักยภาพเพื่อได้ทุนไปเรียนต่อ ผุดไอเดียทุนรุ่น 5 อาจจำแนกให้ทุนหลายประเภท และเพิ่มประชาสัมพันธ์ให้เด็กสมัครมากขึ้น
วันนี้ (24 ต.ค.) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 (ปีงบประมาณ 2556-2563) ว่า ตามที่ ศธ.ได้เปิดรับสมัครผู้เข้ารับทุนตามโครงการดังกล่าวในรอบที่ 2 ซึ่งมีผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จำนวน 19,756 คน และจะสอบข้อเขียนพร้อมกัน วันที่ 27 ต.ค.นี้ ใน 77 สนามสอบทั่วประเทศ ซึ่งตนและคณะทำงานจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมดูแลความเรียบร้อยในการจัดสอบ โดยผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องสอบข้อเขียนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำตามกำหนดเพราะต้องการคัดเลือกคนที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะไปเรียนระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศได้ และแม้ว่าสิ้นสุดการสอบคัดเลือกรอบ 2 แล้วจะมีผู้ผ่านการคัดเลือกไม่ครบตามจำนวนทุนก็ตาม ศธ.ก็จะไม่เปิดรอบ 3 อีก เพราะเวลาล่วงเลยมากแล้วถึงเวลาที่จะเตรียมการสำหรับเปิดรับสมัครรุ่นที่ 5
ทั้งนี้ ศธ.จะดำเนินการสรุปข้อดีข้อเสีย รวมถึงปัญหาอุปสรรคต่างๆ ของการดำเนินโครงการตั้งแต่ครั้งที่ 1 จนถึงปัจจุบันเพื่อนำเข้าหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหารโครงการ เพื่อวางแนวทางปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกให้สามารถคัดเลือกเด็กเข้ารับทุนเพิ่มมากขึ้นในรุ่นที่ 5 เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีนักเรียนที่สอบผ่านการคัดเลือกเข้ารับทุนตามโครงการดังกล่าวน้อยลงเรื่อยๆ ส่งผลให้มีผู้รับทุนไม่ครบตามจำนวน ทำให้งบประเมินที่ได้รับเกิดความเสียเปล่า
“สาเหตุที่นักเรียนสอบผ่านการคัดเลือกเข้ารับทุนได้น้อย เพราะส่วนใหญ่ไม่สามารถสอบผ่านเกณฑ์ต่ำวิชาละ 70% ต่างจากรุ่นที่ 1 และ 2 ที่เลือกเด็กรับทุนได้เต็มจำนวน เพราะใช้เพียงคะแนนสูงสุดของแต่ละอำเภอเท่านั้น โดยไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ ซึ่งจุดอ่อนของการคัดเลือกแบบดังกล่าวทำให้เด็กบางส่วนที่ได้ทุน พอไปเรียนแล้วมีปัญหาเรียนไม่ได้ต้องกลับมาเรียนที่ประเทศไทย ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมาย คือเปิดโอกาสทางการศึกษา และสามารถคัดเลือกผู้มีศักยภาพเหมาะสม แต่คงจะไม่ปรับลดเกณฑ์ขั้นต่ำลง แต่อาจจะไปพิจารณาปรับในส่วนอื่นๆ ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น อาทิ เรื่องกำหนดเวลาการรับสมัคร ซึ่งตรงกับช่วงที่นักเรียนต้องสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยพอดี ก็อาจจะพิจารณาปรับเลื่อนเวลาการรับสมัคร ส่วนจะเป็นช่วงใดนั้นคงต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็อาจจะพิจารณาปรับเพิ่มประเภททุน เพื่อเปิดโอกาสให้มีผู้เข้ารับทุนมากขึ้น นอกจากนั้นจะต้องเพิ่มเรื่องการประชาสัมพันธ์โครงการ ให้สามารถเข้าถึงตัวเด็กมากขึ้นด้วย” นางสุทธศรี กล่าว
อนึ่ง โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 ในรอบแรกมีผู้สอบผ่านการคัดเลือกและมีคุณสมบัติครบจำนวน 97 คน จากจำนวนทุนทั้งหมด 1,856 ทุน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือทุนเรียนดี ครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี และทุนเรียนดี ไม่จำกัดรายได้ครอบครัว แต่ต้องไปศึกษาระดับปริญญาตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นสาขาที่ขาดแคลนด้านวิทยาศาสตร์ 1 เท่ากับว่ายังเหลือทุนอีกจำนวน 1,759 ทุน
วันนี้ (24 ต.ค.) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 (ปีงบประมาณ 2556-2563) ว่า ตามที่ ศธ.ได้เปิดรับสมัครผู้เข้ารับทุนตามโครงการดังกล่าวในรอบที่ 2 ซึ่งมีผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จำนวน 19,756 คน และจะสอบข้อเขียนพร้อมกัน วันที่ 27 ต.ค.นี้ ใน 77 สนามสอบทั่วประเทศ ซึ่งตนและคณะทำงานจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมดูแลความเรียบร้อยในการจัดสอบ โดยผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องสอบข้อเขียนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำตามกำหนดเพราะต้องการคัดเลือกคนที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะไปเรียนระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศได้ และแม้ว่าสิ้นสุดการสอบคัดเลือกรอบ 2 แล้วจะมีผู้ผ่านการคัดเลือกไม่ครบตามจำนวนทุนก็ตาม ศธ.ก็จะไม่เปิดรอบ 3 อีก เพราะเวลาล่วงเลยมากแล้วถึงเวลาที่จะเตรียมการสำหรับเปิดรับสมัครรุ่นที่ 5
ทั้งนี้ ศธ.จะดำเนินการสรุปข้อดีข้อเสีย รวมถึงปัญหาอุปสรรคต่างๆ ของการดำเนินโครงการตั้งแต่ครั้งที่ 1 จนถึงปัจจุบันเพื่อนำเข้าหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหารโครงการ เพื่อวางแนวทางปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกให้สามารถคัดเลือกเด็กเข้ารับทุนเพิ่มมากขึ้นในรุ่นที่ 5 เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีนักเรียนที่สอบผ่านการคัดเลือกเข้ารับทุนตามโครงการดังกล่าวน้อยลงเรื่อยๆ ส่งผลให้มีผู้รับทุนไม่ครบตามจำนวน ทำให้งบประเมินที่ได้รับเกิดความเสียเปล่า
“สาเหตุที่นักเรียนสอบผ่านการคัดเลือกเข้ารับทุนได้น้อย เพราะส่วนใหญ่ไม่สามารถสอบผ่านเกณฑ์ต่ำวิชาละ 70% ต่างจากรุ่นที่ 1 และ 2 ที่เลือกเด็กรับทุนได้เต็มจำนวน เพราะใช้เพียงคะแนนสูงสุดของแต่ละอำเภอเท่านั้น โดยไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ ซึ่งจุดอ่อนของการคัดเลือกแบบดังกล่าวทำให้เด็กบางส่วนที่ได้ทุน พอไปเรียนแล้วมีปัญหาเรียนไม่ได้ต้องกลับมาเรียนที่ประเทศไทย ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมาย คือเปิดโอกาสทางการศึกษา และสามารถคัดเลือกผู้มีศักยภาพเหมาะสม แต่คงจะไม่ปรับลดเกณฑ์ขั้นต่ำลง แต่อาจจะไปพิจารณาปรับในส่วนอื่นๆ ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น อาทิ เรื่องกำหนดเวลาการรับสมัคร ซึ่งตรงกับช่วงที่นักเรียนต้องสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยพอดี ก็อาจจะพิจารณาปรับเลื่อนเวลาการรับสมัคร ส่วนจะเป็นช่วงใดนั้นคงต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็อาจจะพิจารณาปรับเพิ่มประเภททุน เพื่อเปิดโอกาสให้มีผู้เข้ารับทุนมากขึ้น นอกจากนั้นจะต้องเพิ่มเรื่องการประชาสัมพันธ์โครงการ ให้สามารถเข้าถึงตัวเด็กมากขึ้นด้วย” นางสุทธศรี กล่าว
อนึ่ง โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 ในรอบแรกมีผู้สอบผ่านการคัดเลือกและมีคุณสมบัติครบจำนวน 97 คน จากจำนวนทุนทั้งหมด 1,856 ทุน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือทุนเรียนดี ครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี และทุนเรียนดี ไม่จำกัดรายได้ครอบครัว แต่ต้องไปศึกษาระดับปริญญาตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นสาขาที่ขาดแคลนด้านวิทยาศาสตร์ 1 เท่ากับว่ายังเหลือทุนอีกจำนวน 1,759 ทุน