สพฐ.สรุปจัดสอบครูผู้ช่วยเบื้องต้นพบข้อบกพร่องเล็กน้อย เผยพบพิรุธ 2 รายสมัครสอบให้เลขที่นั่งใกล้กัน และมีท่าทีช่วยเหลือในการสอบ โดยทาง กก.คุมสอบจับแยกห่างกัน ระบุรอผลพิสูจน์ก่อนพิจารณาตัดสิทธิ์หรือไม่
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวภายหลังการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เพื่อติดตามผลการจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2556 ซึ่งจัดสอบหว่างวันที่ 22-24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเปิดรับ 1,070 อัตรา ใน 34 กลุ่มวิชาการ และมีผู้มีสิทธิ์สอบจำนวน 83,930 คน ว่า จากการรายงานผลการจัดสอบครูผู้ช่วย พบว่าไม่มีการทุจริตในลักษณะที่เป็นปัญหาในวงกว้าง มีเฉพาะกรณีที่ผู้เข้าสอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบในสนามสอบของโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย จำนวน 2 ราย เท่านั้น และกำลังรอผลการตรวจพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ว่าได้มีการใช้โทรศัพท์สื่อสารระหว่างสอบหรือไม่ ซึ่งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพมหานคร เขต 1 จะได้ไปเร่งรัดติดตามผลและรายงานผลมาให้ทราบอีกครั้ง ซึ่งหากพบว่ามีการใช้โทรศัพท์สื่อสารในช่วงสอบก็ถือว่าเป็นการทุจริตในการสอบ อย่างไรก็ตาม การนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบก็ถือว่าผิดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบ พ.ศ. 2548 ซึ่งเท่าที่ตนหารือกับฝ่ายนิติกร ศธ.ในการที่ผู้สอบนำโทรศัพท์เข้าห้องสอบ ก็ถือเป็นการทำผิดกติกา แต่ในระเบียบยังไม่มีการกำหนดบทลงโทษ ซึ่งจะต้องรอผลการพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานว่าที่สนามสอบที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อยุธยา เขต 1 พบผู้สอบ 2 รายมีลักษณะน่าสงสัยว่าได้มีการนัดแนะไปสมัครเพื่อให้ได้เลขที่นั่งสอบใกล้กันหรือไม่ เพราะในวันสอบทั้ง 2 รายมีพฤติกรรมที่พยายามจะช่วยเหลือกันในระหว่างการสอบ ซึ่งทางกรรมการคุมสอบสังเกตเห็น จึงได้แก้ไขให้แยกที่นั่งสอบไกลกัน และกำลังตรวจสอบว่ามีทั้ง 2 รายตอบข้อสอบตรงกันหรือไม่ เนื่องจากต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนจึงจะสามารถตัดสิทธิ์การสอบได้ ส่วนการติดตามความคืบหน้าในการจัดติวก่อนสอบครูผู้ช่วยใน สพม.เขต 40 เพชรบูรณ์นั้น ได้เร่งรัดให้ติดตามผลสอบโดยเร็วและรายงานกลับมา อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการจัดสอบครั้งนี้พบข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจะได้นำผลการจัดสอบรายงานต่อ รมว.ศึกษาธิการ และ รมช.ศึกษาธิการ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวภายหลังการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เพื่อติดตามผลการจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2556 ซึ่งจัดสอบหว่างวันที่ 22-24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเปิดรับ 1,070 อัตรา ใน 34 กลุ่มวิชาการ และมีผู้มีสิทธิ์สอบจำนวน 83,930 คน ว่า จากการรายงานผลการจัดสอบครูผู้ช่วย พบว่าไม่มีการทุจริตในลักษณะที่เป็นปัญหาในวงกว้าง มีเฉพาะกรณีที่ผู้เข้าสอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบในสนามสอบของโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย จำนวน 2 ราย เท่านั้น และกำลังรอผลการตรวจพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ว่าได้มีการใช้โทรศัพท์สื่อสารระหว่างสอบหรือไม่ ซึ่งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพมหานคร เขต 1 จะได้ไปเร่งรัดติดตามผลและรายงานผลมาให้ทราบอีกครั้ง ซึ่งหากพบว่ามีการใช้โทรศัพท์สื่อสารในช่วงสอบก็ถือว่าเป็นการทุจริตในการสอบ อย่างไรก็ตาม การนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบก็ถือว่าผิดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบ พ.ศ. 2548 ซึ่งเท่าที่ตนหารือกับฝ่ายนิติกร ศธ.ในการที่ผู้สอบนำโทรศัพท์เข้าห้องสอบ ก็ถือเป็นการทำผิดกติกา แต่ในระเบียบยังไม่มีการกำหนดบทลงโทษ ซึ่งจะต้องรอผลการพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานว่าที่สนามสอบที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อยุธยา เขต 1 พบผู้สอบ 2 รายมีลักษณะน่าสงสัยว่าได้มีการนัดแนะไปสมัครเพื่อให้ได้เลขที่นั่งสอบใกล้กันหรือไม่ เพราะในวันสอบทั้ง 2 รายมีพฤติกรรมที่พยายามจะช่วยเหลือกันในระหว่างการสอบ ซึ่งทางกรรมการคุมสอบสังเกตเห็น จึงได้แก้ไขให้แยกที่นั่งสอบไกลกัน และกำลังตรวจสอบว่ามีทั้ง 2 รายตอบข้อสอบตรงกันหรือไม่ เนื่องจากต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนจึงจะสามารถตัดสิทธิ์การสอบได้ ส่วนการติดตามความคืบหน้าในการจัดติวก่อนสอบครูผู้ช่วยใน สพม.เขต 40 เพชรบูรณ์นั้น ได้เร่งรัดให้ติดตามผลสอบโดยเร็วและรายงานกลับมา อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการจัดสอบครั้งนี้พบข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจะได้นำผลการจัดสอบรายงานต่อ รมว.ศึกษาธิการ และ รมช.ศึกษาธิการ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว