แฉปิดเทอมเด็กดูสื่อลามก ติดเกม ถูกลวนลามทางเพศ ดูละครที่ไม่สร้างสรรค์ ด้าน วธ.ห่วงเยาวชน เฟ้นกิจกรรมโดดเด่นให้เยาวชนเข้าค่ายปิดเทอม
วันนี้ (24 ต.ค.) นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังเปิดโครงการค่ายวัฒนธรรมเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ ช่วงปิดภาคเรียน ว่า จากข้อมูลสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ได้ติดตามปัญหาสถานการณ์เด็กและเยาวชนในช่วงปิดภาคเรียน พบว่า มีปัญหาเกี่ยวกับการติดเกม เสพสื่อลามกอนาจาร มากที่สุด ร้อยละ 84.96 ใช้เวลาไปกับการชอปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า ร้อยละ 67.39 ดูโทรทัศน์ ร้อยละ 62.10 เล่นอินเทอร์เน็ต และ ร้อยละ 52.20 เล่มเกมคอมพิวเตอร์ออนไลน์ ที่น่าตกใจ คือ เมื่อสำรวจถึงกิจกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ที่เยาวชนทำในช่วงปิดเทอม พบว่า ร้อยละ 53.80 ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อดูภาพโป๊เปลือย ร้อยละ 41.5 ดูซีดีเนื้อหาไม่เหมาะสม ร้อยละ 39.10 มีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก และร้อยละ 18.30 ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ปัญหาที่พบในกลุ่มเยาวชนที่ใช้บริการร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ คือ ปัญหาถูกข่มขู่ รีดไถ มากที่สุด รองลงมา ถูกทำร้ายร่างกาย ตบตี ชกต่อย รวมถึงการถูกลวนลามทางเพศ พยายามข่มขืน ถูกบังคับให้สูบบุหรี่
“อีกเรื่องหนึ่งที่น่าห่วงช่วงปิดเทอม ก็คือเด็กและเยาวชนมีเวลาดูโทรทัศน์มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงละครหลังข่าว ซึ่งพบว่า บางเรื่องมีภาพ เนื้อหา รวมถึงการใช้ภาษา ที่รุนแรง แม้ว่าจะมีหน่วยงานต่างๆ ให้การพิจารณาจัดเรตติ้งแล้วก็ตาม แต่ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำแก่บุตรหลานในการชมละครด้วย เพราะหากเด็กไม่สามารถแยกแยะละครออกจากความเป็นจริงได้ จะส่งผลกระทบต่อการเลียนแบบการกระทำที่ไม่เหมาะสมในทิ่สุด” รมว.วัฒนธรรม กล่าว
นายสนธยา กล่าวว่า วธ.ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในช่วงปิดเทอม เพื่อให้เด็กและเยาวชนจากทั่วประเทศที่ผ่านการคัดเลือก มาร่วมกิจกรรมละลายพฤติกรรม และเข้าค่ายร่วมกันตลอดระยะเวลา 3 วัน โดยถือเป็นโอกาสพิเศษที่เยาวชนจะได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงพระอัจฉริยภาพและพระราชกรณียกิจขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงงานหนักมาตลอดกว่า 60 ปี ในด้านต่างๆ รวมทั้งได้สัมผัสกับงานทางด้านอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม การศึกษาหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่นๆ ฝึกการเรียนรู้งานศิลปะ เป็นต้น โดยตนมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้ มีความสุขกับการร่วมกิจกรรม นำสิ่งที่ได้รับจากการเรียนไปถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ในสถานศึกษา และชุมชนของตนเองเกิดความภาคภูมิใจ และหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ขณะเดียวกัน ก็จะต้องให้กิจกรรมดังกล่าวเป็นต้นแบบของการเรียนรู้ช่วงปิดภาคเรียน และขยายโอกาสให้เยาวชนจากต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น
