สธ.เตือนเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ รักษาสุขภาพ ระวังเป็นหลอดลมอักเสบ ปอดบวม จากอากาศหนาว ระบุนมแม่ช่วยฆ่าเชื้อโรคในเยื่อบุทางเดินหายใจได้ แนะกลุ่มวัยอื่นออกกำลังกายแบบง่ายๆ เสริมความแข็งแรง
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงปลายฝนต้นหนาว กลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุควรดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เพราะมีความเสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินหายใจมากกว่ากลุ่มอื่น โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวอาจกลายเป็นโรคหลอดลมอักเสบและปอดบวมได้ ซึ่งจากสถิติของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-13 ต.ค. 2556 พบผู้ป่วยโรคปอดบวมแล้ว 140,323 ราย เสียชีวิต 774 ราย สำหรับเด็กทารก คุณแม่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะอากาศที่หนาวเย็น ลูกอาจปากแห้งแตก จึงควรให้ลูกดื่มนมจากเต้าบ่อยๆ วันละ 6-8 ครั้ง จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและเพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบทางเดินหายใจ ทั้งยังกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่ติดอยู่บนเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายยากขึ้น นอกจากนี้ ช่วงให้นมลูก อ้อมกอดของแม่จะช่วยสร้างความอบอุ่นด้วย ส่วนผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำในเวลากลางคืน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรยืดเส้นยืดสาย เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายก่อนอาบน้ำ
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับกลุ่มวัยอื่นสามารถสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็วๆ วิ่งเหยาะ ขี่จักรยาน เล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง รำมวยจีน หรือทำงานบ้าน ทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ซึ่งการเริ่มต้นออกกำลังกายควรเริ่มจากเบาๆ ระยะเวลาน้อยๆ แล้วค่อยเพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว จากนั้นจึงเพิ่มความแรง หรือความหนักและการออกกำลังกายในแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องหนักหรือเหนื่อยมาก โดยทำให้รู้สึกหายใจเร็วขึ้น ไม่ต้องถึงกับหอบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วันๆ ละ 30 นาที ก็เพียงพอที่จะเกิดภูมิคุ้มกัน ที่สำคัญคือพักผ่อนให้เพียงพอและกินอาหาร
ประเภทผักและผลไม้สดที่มีวิตามินซีสูง
“ช่วงอากาศหนาวเย็นจะทำให้อาหารจับตัวเป็นไข ก่อนบริโภคจึงควรนำไปอุ่นให้ร้อนเสียก่อน จะช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารให้อร่อยขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มอุณหภูมิความร้อนให้กับร่างกายสามารถคลายหนาวได้อีกทางหนึ่ง หากประชาชนดูแลสุขภาพตนเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และกินอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงปลายฝนต้นหนาว กลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุควรดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เพราะมีความเสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินหายใจมากกว่ากลุ่มอื่น โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวอาจกลายเป็นโรคหลอดลมอักเสบและปอดบวมได้ ซึ่งจากสถิติของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-13 ต.ค. 2556 พบผู้ป่วยโรคปอดบวมแล้ว 140,323 ราย เสียชีวิต 774 ราย สำหรับเด็กทารก คุณแม่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะอากาศที่หนาวเย็น ลูกอาจปากแห้งแตก จึงควรให้ลูกดื่มนมจากเต้าบ่อยๆ วันละ 6-8 ครั้ง จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและเพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบทางเดินหายใจ ทั้งยังกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่ติดอยู่บนเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายยากขึ้น นอกจากนี้ ช่วงให้นมลูก อ้อมกอดของแม่จะช่วยสร้างความอบอุ่นด้วย ส่วนผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำในเวลากลางคืน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรยืดเส้นยืดสาย เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายก่อนอาบน้ำ
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับกลุ่มวัยอื่นสามารถสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็วๆ วิ่งเหยาะ ขี่จักรยาน เล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง รำมวยจีน หรือทำงานบ้าน ทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ซึ่งการเริ่มต้นออกกำลังกายควรเริ่มจากเบาๆ ระยะเวลาน้อยๆ แล้วค่อยเพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว จากนั้นจึงเพิ่มความแรง หรือความหนักและการออกกำลังกายในแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องหนักหรือเหนื่อยมาก โดยทำให้รู้สึกหายใจเร็วขึ้น ไม่ต้องถึงกับหอบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วันๆ ละ 30 นาที ก็เพียงพอที่จะเกิดภูมิคุ้มกัน ที่สำคัญคือพักผ่อนให้เพียงพอและกินอาหาร
ประเภทผักและผลไม้สดที่มีวิตามินซีสูง
“ช่วงอากาศหนาวเย็นจะทำให้อาหารจับตัวเป็นไข ก่อนบริโภคจึงควรนำไปอุ่นให้ร้อนเสียก่อน จะช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารให้อร่อยขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มอุณหภูมิความร้อนให้กับร่างกายสามารถคลายหนาวได้อีกทางหนึ่ง หากประชาชนดูแลสุขภาพตนเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และกินอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
