xs
xsm
sm
md
lg

โพลชี้ ปชช.แอนตี้ห้ามรถ 7-10 ปีวิ่งใน กทม.ประณามรถคันแรก “ปู” พ่นพิษรถติดทั่วกรุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปชช.แอนตี้แนวคิดนครบาล ห้ามรถ 7-10 ปีวิ่งใน กทม.นิด้าโพลชี้ชัดกว่า 80% ไม่เอาด้วย จวกเสียภาษีเหมือนกันควรมีสิทธิใช้รถวิ่งบนถนนเหมือนกัน ส่วนอีก 71% ให้ผ่านเลิกล็อกล้อหันยกรถออกจากถนนแทน ส่วนอีก 46% ประณามนายกฯปู ออกนโยบายรถคันแรก ทำรถติดเพิ่ม

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “กฎจราจรกับปัญหารถติด” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-16 ตุลาคม 2556 กรณีศึกษาจากประชาชนที่พักและอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการเสนอแนวคิดห้ามรถยนต์อายุ 7-10 ปี วิ่งในกรุงเทพมหานคร และเตรียมยกเลิกมาตรการล็อกล้อกรณีผู้ขับขี่รถยนต์ฝ่าฝืนจอดในที่ห้ามจอด แต่จะเดินหน้าโครงการยกรถที่จอดผิดกฎหมายออกจากผิวการจราจรแทน เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพมหานคร

จากผลการสำรวจ พบว่า เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดการห้ามไม่ให้รถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน มากกว่า 7-10 ปี เข้ามาวิ่งในเขตกรุงเทพมหานคร ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 80.48 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะทุกคนเสียภาษีรถยนต์เหมือนกันควรมีสิทธิใช้รถวิ่งบนท้องถนนเหมือนกัน สร้างความลำบากแก่ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาติดต่อธุระจำเป็นใน กทม.เป็นการแก้ไขไม่ตรงจุด อีกทั้งยังผ่อนรถยนต์เสร็จได้ไม่นาน เป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ใช้รถยนต์ หากจะมีการจำกัด ควรจำกัดรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 15-20 ปีขึ้นไป ขณะที่ ร้อยละ 15.28 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะเป็นการลดจำนวนรถยนต์ที่เข้ามาวิ่งใน กทม.ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจร และช่วยลดมลพิษในอากาศ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และร้อยละ 4.24 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนวิธีการลงโทษผู้กระทำผิดกฏจราจร จาก “การล็อกล้อ” เป็น “การเคลื่อนย้ายรถออกจากผิวจราจร” ในกรณีที่จอดรถยนต์ในที่ห้ามจอด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 71.44 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะจะได้ไม่กีดขวางการจราจร ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด คนที่ทำผิดจะได้สำนึก และเป็นมาตรการที่น่าจะช่วยลดการทำผิดกฎจราจรให้น้อยลง รองลงมา ร้อยละ 24.16 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะทำให้ยุ่งยากและเสียเวลาในการตามรถคืน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และรถยนต์อาจเกิดความเสียหายขณะเคลื่อนย้าย และอาจทำให้เข้าใจผิดได้ว่ารถยนต์ถูกโจรกรรมไป ควรหาวิธีอื่น และร้อยละ 4.40 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

และเมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพมหานครมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.56 ระบุว่า เป็นเพราะนโยบายรถยนต์คันแรก/รถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น รองลงมา ร้อยละ 21.68 ระบุว่า เป็นเพราะรถยนต์ส่วนบุคคลทำผิดกฎจราจร ไม่มีระเบียบวินัยในการขับขี่ ร้อยละ 13.52 ระบุว่า เป็นเพราะรถบริการสาธารณะ (รถเมล์/รถตู้/แท็กซี่/มอเตอร์ไซค์รับจ้าง) จอดไม่เป็นระเบียบ ร้อยละ 3.92 ระบุว่า เป็นเพราะจำนวนช่องการจราจร/สะพานข้ามแยกไม่เพียงพอ ร้อยละ 2.40 ระบุว่า เป็นเพราะระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่เพียงพอ

ร้อยละ 1.92 ระบุว่า เป็นเพราะการตั้งด่านของตำรวจ ร้อยละ 1.52 ระบุว่า เป็นเพราะฝนตก น้ำท่วมขัง ร้อยละ 1.28 ระบุว่า เป็นเพราะสภาพพื้นผิวการจราจรที่ชำรุดทรุดโทรม ร้อยละ 1.20 ระบุว่า เป็นเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน/รถเสียบนไหล่ทาง ร้อยละ 0.80 ระบุว่า เป็นเพราะการขายของ หาบเร่ แผงลอย ริมถนน ร้อยละ 0.72 ระบุว่า เป็นเพราะการประท้วง การชุมนุม และร้อยละ 2.48 ระบุว่า เป็นเพราะอื่นๆ เช่น เจ้าหน้าที่ไม่เคร่งครัด การปรับปรุงซ่อมแซมถนน การปล่อยสัณญาณไฟจราจรไม่สัมพันธ์ กับปริมาณรถยนต์ ผู้ขับขี่ไม่มีมารยาทและน้ำใจบนท้องถนน การไม่ควบคุมจำนวนปริมาณรถยนต์ รถบรรทุก ขนาดใหญ่ที่วิ่งใน กทม.


กำลังโหลดความคิดเห็น