กทม.ชี้ดูแลม็อบเท่าเทียมกัน ระบุทำตามหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของเมือง แนะนายกฯดูแลลูกน้องเน้นการทำงานแบบประสานกันอย่าทำงานเพื่อสร้างกระแส
วันนี้ (15 ต.ค.) นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาและโฆษกประจำตัวผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และกทม.ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเครื่อข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่มีการชุมนุมกันบริเวณถนนพระราม 6 ขาออก แยกอุรุพงษ์ ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ตามรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่าการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธนั้น สามารถทำได้ ดังนั้นไม่ว่ากลุ่มใดๆ ก็มีสิทธิที่จะทำการชุมนุมได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ อีกทั้งตั้งแต่ปี 53 ที่มีการชุมนุมเกิดขึ้น กทม.ก็ได้ปฏิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มเหมือนกัน โดยมีการนำรถสุขา รถน้ำ รถไฟส่องสว่างเข้าไปบริการในพื้นที่ เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ กทม.ในการดูแลสุขอนามัยและความเรียบร้อยของเมือง โดยผู้ว่าฯ กทม.ได้ย้ำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของ กทม.ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่โดยการคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนเป็นหลัก และต้องแสดงจุดยืนในการทำงานที่ชัดเจน ไม่ทำงานที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบโดยเด็ดขาด
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม.เพื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตั้งเวทีปราศรัย เต็นท์ รวมทั้งมีการตาก วาง หรือแขวนสิ่งของต่างๆ ในที่สาธารณะว่า ได้มีการขออนุญาตกทม.หรือไม่ และ กทม.ได้ดำเนินการอย่างไรนั้น ตั้งแต่อดีตการชุมนุมใดๆ ในพื้นที่ กทม.ก็ไม่ได้มีการขออนุญาต กทม.อยู่แล้ว กทม.จึงดำเนินการไปตามหน้าที่ของตนเท่านั้น ส่วนการดำเนิคดีกับผู้ชุมนุมนั้นเมื่อการชุมนุมเสร็จสิ้น หาก กทม.ตรวจพบความเสียหายในพื้นที่สาธารณะที่เกิดจากการชุมนุม ก็จะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายกันต่อไป ทั้งนี้ กทม.คงไม่จำเป็นต้องทำหนังสือตอบกลับไปยัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เนื่องจากการชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญก็เป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้ และรัฐธรรมนูญก็เป็นกฎหมายแม่บท มีอำนาจใหญ่กว่า พ.ร.บ.รักษาความสะอาดเรียบร้อยของบ้านเมืองอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ระบุว่าจะยื่นเรื่องร้องเรียนถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ กทม.ว่ามีการทำงานแบบสองมาตรฐานนั้น ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้
“ อยากขอให้นายกรัฐมนตรี ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ทำงานโดยการประสานงานกัน อย่าทำงานให้กลายเป็นประเด็นข่าว เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร หรือถ้าเห็นว่า กทม.ไม่ควรให้บริการสาธารณะแก่กลุ่มผู้ชุมนุม ก็ขอให้ออกคำสั่งมา ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมาถึง กทม.ได้เลย กทม.พยายามทำงานแบบไม่เลือกปฏิบัติ อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายทำงานแบบบูรณาการกันมากกว่า เพื่อให้บ้านเมืองเกิดสันติสุข บ้านเมืองจะได้เกิดความปรองดองแบบแท้จริง อย่างที่ท่านนายกยิ่งลักษณ์ต้องการ” นายวสันต์ กล่าว
วันนี้ (15 ต.ค.) นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาและโฆษกประจำตัวผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และกทม.ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเครื่อข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่มีการชุมนุมกันบริเวณถนนพระราม 6 ขาออก แยกอุรุพงษ์ ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ตามรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่าการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธนั้น สามารถทำได้ ดังนั้นไม่ว่ากลุ่มใดๆ ก็มีสิทธิที่จะทำการชุมนุมได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ อีกทั้งตั้งแต่ปี 53 ที่มีการชุมนุมเกิดขึ้น กทม.ก็ได้ปฏิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มเหมือนกัน โดยมีการนำรถสุขา รถน้ำ รถไฟส่องสว่างเข้าไปบริการในพื้นที่ เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ กทม.ในการดูแลสุขอนามัยและความเรียบร้อยของเมือง โดยผู้ว่าฯ กทม.ได้ย้ำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของ กทม.ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่โดยการคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนเป็นหลัก และต้องแสดงจุดยืนในการทำงานที่ชัดเจน ไม่ทำงานที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบโดยเด็ดขาด
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม.เพื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตั้งเวทีปราศรัย เต็นท์ รวมทั้งมีการตาก วาง หรือแขวนสิ่งของต่างๆ ในที่สาธารณะว่า ได้มีการขออนุญาตกทม.หรือไม่ และ กทม.ได้ดำเนินการอย่างไรนั้น ตั้งแต่อดีตการชุมนุมใดๆ ในพื้นที่ กทม.ก็ไม่ได้มีการขออนุญาต กทม.อยู่แล้ว กทม.จึงดำเนินการไปตามหน้าที่ของตนเท่านั้น ส่วนการดำเนิคดีกับผู้ชุมนุมนั้นเมื่อการชุมนุมเสร็จสิ้น หาก กทม.ตรวจพบความเสียหายในพื้นที่สาธารณะที่เกิดจากการชุมนุม ก็จะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายกันต่อไป ทั้งนี้ กทม.คงไม่จำเป็นต้องทำหนังสือตอบกลับไปยัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เนื่องจากการชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญก็เป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้ และรัฐธรรมนูญก็เป็นกฎหมายแม่บท มีอำนาจใหญ่กว่า พ.ร.บ.รักษาความสะอาดเรียบร้อยของบ้านเมืองอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ระบุว่าจะยื่นเรื่องร้องเรียนถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ กทม.ว่ามีการทำงานแบบสองมาตรฐานนั้น ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้
“ อยากขอให้นายกรัฐมนตรี ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ทำงานโดยการประสานงานกัน อย่าทำงานให้กลายเป็นประเด็นข่าว เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร หรือถ้าเห็นว่า กทม.ไม่ควรให้บริการสาธารณะแก่กลุ่มผู้ชุมนุม ก็ขอให้ออกคำสั่งมา ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมาถึง กทม.ได้เลย กทม.พยายามทำงานแบบไม่เลือกปฏิบัติ อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายทำงานแบบบูรณาการกันมากกว่า เพื่อให้บ้านเมืองเกิดสันติสุข บ้านเมืองจะได้เกิดความปรองดองแบบแท้จริง อย่างที่ท่านนายกยิ่งลักษณ์ต้องการ” นายวสันต์ กล่าว
