เอ็นจีโอ-ภาคประชาชน หนุนกรมบัญชีกลางเพิ่มกำไรเบิกจ่ายยาสามัญสิทธิข้าราชการได้ 100-200% เชื่อช่วยแก้ปัญหาถลุงงบประเทศด้านยาได้ แฉ! แค่สิทธิข้าราชการเพียงสิทธิเดียวทำประเทศเสียงบมากถึง 1 หมื่นล้านบาท มากกว่าระบบบัตรทองถึง 5 เท่า
นายเฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล เจ้าหน้าที่รณรงค์การเข้าถึงยา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวถึงกรณีกรมบัญชีกลางมีประกาศเพิ่มกำไรยาต้นแบบไม่เกิน 3% และยาสามัญเพิ่มกำไรได้ 100-200% ในสิทธิสวัสดิการข้าราชการ มีผล 1 ม.ค. 2557 และจะให้ใช้กำไรดังกล่าวเป็นเงินสนับสนุนแพทย์ดูงานต่างประเทศ ว่า โรงพยาบาลทุกแห่งรู้ดีว่า ยาชื่อสามัญเป็นยาที่มีคุณภาพและให้ผลการรักษาไม่ต่างจากยาต้นแบบ แต่ที่ผ่านในระบบการเบิกจ่ายยาของระบบสวัสดิการข้าราชการ เปิดช่องให้แพทย์และโรงพยาบาลสามารถเลือกที่จะจ่ายยาชนิดเดียวกันที่เป็นยาต้นแบบ แต่มีราคาแพงกว่ามากให้กับผู้ป่วย เรื่องนี้ถือว่ากรมบัญชีกลางเดินมาถูกทาง ซึ่งแนวทางนี้เป็นการลดความเหลื่อมล้ำของระบบหลักประกันสุขภาพทั้ง 3 ระบบของประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการใช้ยาชื่อสามัญที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยในโรงพยาบาล ช่วยประหยัดงบประมาณด้านยาของกระทรวงการคลังที่เคยจ่ายให้กับยาต้นแบบที่มีคุณภาพเท่ากัน แต่ราคาแพงกว่าหลายเท่า
“สำหรับข้อกังวลเรื่องคุณภาพของยาที่ไม่เท่ากันนั้น ไม่ว่าจะเป็นยาชื่อสามัญ ยาต้นแบบ ยาผลิตในประเทศ ยานำเข้าจากประเทศ ยาราคาถูกหรือยาราคาแพง ย่อมต้องผ่านการตรวจสอบ ขึ้นทะเบียนเพื่อรับรองคุณภาพและความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน” นายเฉลิมศักดิ์ กล่าว
น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผลมานาน เห็นได้ชัดในระบบสวัสดิการข้าราชการที่ใช้งบประมาณในการรักษามากกว่าระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าถึง 5 เท่า ทำให้ประเทศเสียงบประมาณไปกับยาที่ไม่สมเหตุผล โดยส่วนใหญ่เป็นยาต้นแบบ ทั้งที่ยาตัวเดียวกันนั้นมียาชื่อสามัญที่คุณภาพเท่ากัน แต่ราคาถูกกว่ามากให้เลือก แต่ที่ผ่านมาแพทย์มักจะเลือกจ่ายยาต้นแบบให้กับข้าราชการและผู้มีสิทธิ อาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคย สิ่งตอบแทน หรือสิ่งจูงใจอื่นใด ในภาพรวมทำให้ประเทศเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็นไปกับยาต้นแบบ ราวปีละไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
ด้าน นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลส่วนใหญ่สั่งจ่ายยาต้นแบบ หรือยานำเข้าให้กับผู้ป่วยเป็นหลัก ส่วนยาสามัญสั่งจ่ายน้อยมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการใช้ยาสามัญและลดค่าใช้จ่ายด้านยาของระบบสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งเฉลี่ยสูงมากถึงคนละ 12,000 บาท กรมบัญชีกลางจึงกำหนดหลักเกณฑ์เบิกจ่ายใหม่ โดยโรงพยาบาลที่ได้กำไรเพิ่มจะนำไปใส่ไว้ในเงินบำรุงโรงพยาบาล และจะให้แก้ไขระเบียบการใช้เงินบำรุง โดยให้สามารถใช้สนับสนุนเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศได้ ซึ่งจะแก้ปัญหาที่ผ่านมาที่มักพบว่า เมื่อมีการสั่งจ่ายยานอก ก็จะนำงบส่วนนี้ไปศึกษาดูงาน
ต่างประเทศ ซึ่งสุ่มเสี่ยงด้านจริยธรรม
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องพัฒนาและควบคุมมาตรฐานยาสามัญให้ดี ต้องได้คุณภาพเทียบเท่า เพราะหากให้ยาแล้วปรากฎว่า อาการไม่ดีขึ้นก็จะยิ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้น อาจเสี่ยงเกิดโรคอื่นๆ อีก ดังนั้น อย่ามองที่เรื่องเงินอย่างเดียว ต้องดูที่คุณภาพด้วย
นายเฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล เจ้าหน้าที่รณรงค์การเข้าถึงยา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวถึงกรณีกรมบัญชีกลางมีประกาศเพิ่มกำไรยาต้นแบบไม่เกิน 3% และยาสามัญเพิ่มกำไรได้ 100-200% ในสิทธิสวัสดิการข้าราชการ มีผล 1 ม.ค. 2557 และจะให้ใช้กำไรดังกล่าวเป็นเงินสนับสนุนแพทย์ดูงานต่างประเทศ ว่า โรงพยาบาลทุกแห่งรู้ดีว่า ยาชื่อสามัญเป็นยาที่มีคุณภาพและให้ผลการรักษาไม่ต่างจากยาต้นแบบ แต่ที่ผ่านในระบบการเบิกจ่ายยาของระบบสวัสดิการข้าราชการ เปิดช่องให้แพทย์และโรงพยาบาลสามารถเลือกที่จะจ่ายยาชนิดเดียวกันที่เป็นยาต้นแบบ แต่มีราคาแพงกว่ามากให้กับผู้ป่วย เรื่องนี้ถือว่ากรมบัญชีกลางเดินมาถูกทาง ซึ่งแนวทางนี้เป็นการลดความเหลื่อมล้ำของระบบหลักประกันสุขภาพทั้ง 3 ระบบของประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการใช้ยาชื่อสามัญที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยในโรงพยาบาล ช่วยประหยัดงบประมาณด้านยาของกระทรวงการคลังที่เคยจ่ายให้กับยาต้นแบบที่มีคุณภาพเท่ากัน แต่ราคาแพงกว่าหลายเท่า
“สำหรับข้อกังวลเรื่องคุณภาพของยาที่ไม่เท่ากันนั้น ไม่ว่าจะเป็นยาชื่อสามัญ ยาต้นแบบ ยาผลิตในประเทศ ยานำเข้าจากประเทศ ยาราคาถูกหรือยาราคาแพง ย่อมต้องผ่านการตรวจสอบ ขึ้นทะเบียนเพื่อรับรองคุณภาพและความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน” นายเฉลิมศักดิ์ กล่าว
น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผลมานาน เห็นได้ชัดในระบบสวัสดิการข้าราชการที่ใช้งบประมาณในการรักษามากกว่าระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าถึง 5 เท่า ทำให้ประเทศเสียงบประมาณไปกับยาที่ไม่สมเหตุผล โดยส่วนใหญ่เป็นยาต้นแบบ ทั้งที่ยาตัวเดียวกันนั้นมียาชื่อสามัญที่คุณภาพเท่ากัน แต่ราคาถูกกว่ามากให้เลือก แต่ที่ผ่านมาแพทย์มักจะเลือกจ่ายยาต้นแบบให้กับข้าราชการและผู้มีสิทธิ อาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคย สิ่งตอบแทน หรือสิ่งจูงใจอื่นใด ในภาพรวมทำให้ประเทศเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็นไปกับยาต้นแบบ ราวปีละไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
ด้าน นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลส่วนใหญ่สั่งจ่ายยาต้นแบบ หรือยานำเข้าให้กับผู้ป่วยเป็นหลัก ส่วนยาสามัญสั่งจ่ายน้อยมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการใช้ยาสามัญและลดค่าใช้จ่ายด้านยาของระบบสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งเฉลี่ยสูงมากถึงคนละ 12,000 บาท กรมบัญชีกลางจึงกำหนดหลักเกณฑ์เบิกจ่ายใหม่ โดยโรงพยาบาลที่ได้กำไรเพิ่มจะนำไปใส่ไว้ในเงินบำรุงโรงพยาบาล และจะให้แก้ไขระเบียบการใช้เงินบำรุง โดยให้สามารถใช้สนับสนุนเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศได้ ซึ่งจะแก้ปัญหาที่ผ่านมาที่มักพบว่า เมื่อมีการสั่งจ่ายยานอก ก็จะนำงบส่วนนี้ไปศึกษาดูงาน
ต่างประเทศ ซึ่งสุ่มเสี่ยงด้านจริยธรรม
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องพัฒนาและควบคุมมาตรฐานยาสามัญให้ดี ต้องได้คุณภาพเทียบเท่า เพราะหากให้ยาแล้วปรากฎว่า อาการไม่ดีขึ้นก็จะยิ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้น อาจเสี่ยงเกิดโรคอื่นๆ อีก ดังนั้น อย่ามองที่เรื่องเงินอย่างเดียว ต้องดูที่คุณภาพด้วย