“วิชาญ” นำชาวบ้าน 60 คนค้านหยุดเดินเรือฟรีวัดศรีบุญเรือง-ตลาดมีนชี้กทม.ไม่สร้างเขื่อนน้ำกัดเซาะบ้านเรือนเสียหาย ด้าน “อมร” ระบุการเดินเรือเป็นอีกทางเลือกของประชาชนพร้อมเร่งหาเรือลักษณะพิเศษวิ่งเพื่อลดคลื่นพร้อมสร้างแนวกั้นถาวร
วันนี้ (7 ต.ค.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายประสพสุข ศรีสอาด ประธานสภาเขตมีนบุรี พร้อมด้วยประชาชนในเขตมีนบุรี คันนายาวและหนองจอก กว่า 200 คน เดินทางมาพบผู้ว่าฯ กทม.เพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจในการดำเนินงานโครงการเดินเรือคลองแสนแสบส่วนต่อขยาย ช่วงวัดศรีบุญเรือง -ตลาดมีนบุรี หลังจากที่เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายวิชาญ มีนชัยนันท์ และนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวคัดค้านโครงการดังกล่าว ให้งดเดินเรือและนำเชือกไปขึงพาดผ่านคลองแสนแสบช่วงตลาดน้ำขวัญเรียม ทำให้เรือโดยสารไม่สามารถสัญจรได้นานกว่าชั่วโมง โดยระบุว่ากทม.ยังไม่ได้สร้างเขื่อนป้องกันน้ำกัดเซาะถาวร ทำให้เกิดน้ำกัดเซาะตลิ่ง บ้านเรือน โรงงาน ทรุดพังเสียหาย ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก
นายประสพสุข กล่าวว่า การที่นายวิชาญนำเชือกไปขึงที่คลองแสนแสบ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ โดยที่ไม่ได้มีการเจรจาหรือพูดคุยกับชาวบ้านมาก่อน ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนเกิดความไม่พอใจจึงได้ช่วยกันปลดเชือกออก แต่ไม่ได้กระทบกระทั่งแต่อย่างใด สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำกัดเซาะตลิ่งมีเพียง 3 รายเท่านั้น ที่ผ่านมากทม.ก็ได้เจรจามาโดยตลอด ตัวเองได้เป็นตัวกลางประสานงานให้ โดยเบื้องต้นมีการนำเสาเข็มมาปักเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะ ซึ่งชาวบ้านก็ทราบว่า กทม.ได้จัดสรรงบประมาณปี 2557 แล้วเพื่อก่อสร้างแนวป้องกันน้ำถาวร
“ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายวิชาญ จึงกระทำแบบนี้ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนความเร็วของเรือก็ไม่ได้สูง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดคลื่นจนทำให้ตลิ่งได้รับความเสียหาย จึงได้นำชาวบ้านมาให้กำลังใจผู้ว่าฯ กทม.” นายประสพสุข กล่าว
ต่อมาเวลา 11.15 น. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย นำประชาชนกว่า 60 คน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการเดินเรือคลองแสนแสบส่วนต่อขยาย ช่วงวัดศรีบุญเรือง-ตลาดมีนบุรี มายื่นหนังสือขอให้ผู้ว่าฯ กทม.ก่อสร้างแนวป้องกันน้ำกัดเซาะถาวรและลดขนาดเรือ โดยมี นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้รับหนังสือพร้อมเจรจาและรับฟังความคิดเห็นประชาชน
นายวิชาญ กล่าวว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 20 หลังคาเรือน ไม่ใช่ 3 รายตามที่ กทม.ได้ระบุ และผู้โดยสารเรือก็มีน้อยมาก เที่ยวละ 4-5 คน จึงอยากถาม กทม.ว่าโครงการดังกล่าวคุ้มค่าหรือไม่เมื่อเทียบกับประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน ขอให้กทม.หยุดเดินเรือไปก่อนจนกว่าจะสร้างแนวเขื่อนถาวรและลดขนาดเรือได้
ด้านนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการทดลองเดินเรือคลองแสนแสบส่วนต่อขยายกทม.ไม่ได้ดำเนินการเพื่อหารายได้ แต่มีประชาชนและนักเรียนเรียกร้องขอให้ช่วยดำเนินการ ซึ่งโดยหลักกทม.ต้องการให้เด็กนักเรียนใช้สัญจร และก็ได้เล็งเห็นศักยภาพของคลองแสนแสบที่สามารถเป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชน อย่างไรก็ตาม กทม.จะเร่งก่อสร้างแนวกั้นน้ำถาวร ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณปี 2557 ให้สำนักการระบายน้ำแล้ว โดยเฉพาะจุดฟันหลอ ซึ่งเบื้องต้น กทม.ได้นำเสาเข็มไปปักเพื่อลดผลกระทบจากคลื่น ส่วนการลดขนาดเรือ ขณะนี้บริษัทกรุงเทพธนาคม (เคที) อยู่ระหว่างศึกษาว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยศึกษาว่าสามารถทำให้เรือลอดผ่านประตูระบายน้ำได้หรือไม่ และได้ศึกษาเรือที่มีลักษณะพิเศษที่มีคลื่นจากการวิ่งน้อยลง
“ขณะนี้คงไม่สามารถหยุดเดินเรือได้ เพราะมีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมากประมาณ 20,000 คนต่อเดือน จึงขอรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกฝ่ายก่อน ว่าควรดำเนินการต่อไปอย่างไร และจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ารือเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว” นายอมร กล่าว
วันนี้ (7 ต.ค.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายประสพสุข ศรีสอาด ประธานสภาเขตมีนบุรี พร้อมด้วยประชาชนในเขตมีนบุรี คันนายาวและหนองจอก กว่า 200 คน เดินทางมาพบผู้ว่าฯ กทม.เพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจในการดำเนินงานโครงการเดินเรือคลองแสนแสบส่วนต่อขยาย ช่วงวัดศรีบุญเรือง -ตลาดมีนบุรี หลังจากที่เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายวิชาญ มีนชัยนันท์ และนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวคัดค้านโครงการดังกล่าว ให้งดเดินเรือและนำเชือกไปขึงพาดผ่านคลองแสนแสบช่วงตลาดน้ำขวัญเรียม ทำให้เรือโดยสารไม่สามารถสัญจรได้นานกว่าชั่วโมง โดยระบุว่ากทม.ยังไม่ได้สร้างเขื่อนป้องกันน้ำกัดเซาะถาวร ทำให้เกิดน้ำกัดเซาะตลิ่ง บ้านเรือน โรงงาน ทรุดพังเสียหาย ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก
นายประสพสุข กล่าวว่า การที่นายวิชาญนำเชือกไปขึงที่คลองแสนแสบ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ โดยที่ไม่ได้มีการเจรจาหรือพูดคุยกับชาวบ้านมาก่อน ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนเกิดความไม่พอใจจึงได้ช่วยกันปลดเชือกออก แต่ไม่ได้กระทบกระทั่งแต่อย่างใด สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำกัดเซาะตลิ่งมีเพียง 3 รายเท่านั้น ที่ผ่านมากทม.ก็ได้เจรจามาโดยตลอด ตัวเองได้เป็นตัวกลางประสานงานให้ โดยเบื้องต้นมีการนำเสาเข็มมาปักเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะ ซึ่งชาวบ้านก็ทราบว่า กทม.ได้จัดสรรงบประมาณปี 2557 แล้วเพื่อก่อสร้างแนวป้องกันน้ำถาวร
“ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายวิชาญ จึงกระทำแบบนี้ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนความเร็วของเรือก็ไม่ได้สูง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดคลื่นจนทำให้ตลิ่งได้รับความเสียหาย จึงได้นำชาวบ้านมาให้กำลังใจผู้ว่าฯ กทม.” นายประสพสุข กล่าว
ต่อมาเวลา 11.15 น. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย นำประชาชนกว่า 60 คน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการเดินเรือคลองแสนแสบส่วนต่อขยาย ช่วงวัดศรีบุญเรือง-ตลาดมีนบุรี มายื่นหนังสือขอให้ผู้ว่าฯ กทม.ก่อสร้างแนวป้องกันน้ำกัดเซาะถาวรและลดขนาดเรือ โดยมี นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้รับหนังสือพร้อมเจรจาและรับฟังความคิดเห็นประชาชน
นายวิชาญ กล่าวว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 20 หลังคาเรือน ไม่ใช่ 3 รายตามที่ กทม.ได้ระบุ และผู้โดยสารเรือก็มีน้อยมาก เที่ยวละ 4-5 คน จึงอยากถาม กทม.ว่าโครงการดังกล่าวคุ้มค่าหรือไม่เมื่อเทียบกับประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน ขอให้กทม.หยุดเดินเรือไปก่อนจนกว่าจะสร้างแนวเขื่อนถาวรและลดขนาดเรือได้
ด้านนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการทดลองเดินเรือคลองแสนแสบส่วนต่อขยายกทม.ไม่ได้ดำเนินการเพื่อหารายได้ แต่มีประชาชนและนักเรียนเรียกร้องขอให้ช่วยดำเนินการ ซึ่งโดยหลักกทม.ต้องการให้เด็กนักเรียนใช้สัญจร และก็ได้เล็งเห็นศักยภาพของคลองแสนแสบที่สามารถเป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชน อย่างไรก็ตาม กทม.จะเร่งก่อสร้างแนวกั้นน้ำถาวร ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณปี 2557 ให้สำนักการระบายน้ำแล้ว โดยเฉพาะจุดฟันหลอ ซึ่งเบื้องต้น กทม.ได้นำเสาเข็มไปปักเพื่อลดผลกระทบจากคลื่น ส่วนการลดขนาดเรือ ขณะนี้บริษัทกรุงเทพธนาคม (เคที) อยู่ระหว่างศึกษาว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยศึกษาว่าสามารถทำให้เรือลอดผ่านประตูระบายน้ำได้หรือไม่ และได้ศึกษาเรือที่มีลักษณะพิเศษที่มีคลื่นจากการวิ่งน้อยลง
“ขณะนี้คงไม่สามารถหยุดเดินเรือได้ เพราะมีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมากประมาณ 20,000 คนต่อเดือน จึงขอรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกฝ่ายก่อน ว่าควรดำเนินการต่อไปอย่างไร และจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ารือเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว” นายอมร กล่าว
