xs
xsm
sm
md
lg

เสนอผุด “การ์ดคุมกำเนิด” ให้โจ๋ไทย ใบเดียวรูดปรื๊ดรับทั้ง “คอนดอม-ยาคุม” ฟรี‏

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แพทย์มหิดลเสนอทำ “การ์ดคุมกำเนิด” ให้โจ๋ไทย แค่ใบเดียวรูดได้ทันที รับฟรี “คอนดอม-ยาคุมฉุกเฉิน” ชี้ช่วยให้ได้ข้อมูลการคุมกำเนิดและวัดผลการท้อง การทำแท้งในวัยรุ่นลดลงหรือไม่ เตรียมชง สปสช.หนุนงบประมาณดำเนินการ 5 ล้านบาท คาดนำร่องกลุ่มอาชีวะก่อน จี้อัดแพ็กเกจความรู้ให้เด็กตามช่วงอายุ
ตัวอย่าง C-Card สำหรับขอรับบริการถุงยางอนามัยได้ฟรี สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 24 ปี ในประเทศอังกฤษ (ภาพจากเว็บไซต์ http://www.connexions360.org.uk/)
พญ.ภัทรวลัย ตลึงจิตร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอโครงร่างงานวิจัยการศึกษามาตรการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น สำหรับประเทศไทย ว่า การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เป็นปัญหาสุขภาพที่นักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดอันดับให้เป็นปัญหาที่มีความสำคัญอันดับ 1 ของวัยรุ่น เนื่องจากอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง เพราะไม่มีข้อมูลเรื่องการทำแท้งแบบผิดกฎหมาย ดังนั้น การป้องกันที่ดีคือจะต้องให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน และต้องเพิ่มการเข้าถึงบริการการคุมกำเนิดอย่างปลอดภัย

พญ.ภัทรวลัย กล่าวอีกว่า การให้ความรู้เด็กและเยาวชน เสนอว่าต้องจัดความรู้เป็นแบบแพ็กเกจตามช่วงอายุ โดยในกลุ่มวัยรุ่นตอนต้น คือ อายุ 10-13 ปี เน้นเรื่องการอย่ามีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร โดยจะต้องสอนให้มีทักษะในการใช้ชีวิต และรู้จักการปฏิเสธ ส่วนกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี ซึ่งมีข้อมูลว่าเด็กวัยนี้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งล้วนเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกแล้วนั้น ต้องเน้นการให้ความรู้เรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างไรให้ปลอดภัย รู้จักป้องกันตัวเองและมีการคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง

พญ.ภัทรวลัย กล่าวด้วยว่า ส่วนการเพิ่มการเข้าถึงบริการคุมกำเนิดแบบปลอดภัย เสนอให้มีการทำการ์ดสำหรับวัยรุ่น ซึ่งประยุกต์มาจากประเทศอังกฤษ ที่มีการทำ U-Card สำหรับวัยรุ่นหญิงในการขอรับบริการยาคุมฉุกเฉินฟรี และ C-Card สำหรับวัยรุ่นชายอายุน้อยกว่า 24 ปี ในการขอรับบริการถุงยางอนามัยฟรี ซึ่งเห็นผลชัดเจนว่าช่วยลดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นได้ โดยไทยจะทำเป็นการ์ดเพียงใบเดียว ซึ่งวัยรุ่นสามารถนำการ์ดนี้ไปขอรับบริการคุมกำเนิดอย่างปลอดภัยได้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา เป็นต้น โดยจะต้องสแกนบาร์โค้ดบนการ์ด เพื่อส่งข้อมูลกลับไปยังฐานข้อมูล ซึ่งจะทำให้ทราบว่าในแต่ละเดือนมีเด็กขอใช้บริการกี่ราย และมีการจ่ายอุปกรณ์คุมกำเนิดไปเป็นจำนวนเท่าไร

พญ.ภัทรวลัย กล่าวต่อว่า หากประเทศไทยเดินหน้าตามโครงร่างนี้ ก็จะนำร่องในกลุ่มเด็กอาชีวะก่อน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์สูงมาก แต่เป็นสถานศึกษาที่เปิดกว้างในเรื่องนี้ คือเมื่อนักเรียนคลอดแล้วยังสามารถกลับมาเรียนต่อได้ ไม่เหมือนโรงเรียนในสังกัด สพฐ.โดยทางคณะผู้วิจัยจะเข้าไปดำเนินการอบรมให้แก่นักเรียนก่อน จากนั้นจะให้นักเรียนมาขอรับการ์ดตามความสมัครใจ โดยต้องกรอกแบบสอบถามเพื่อดูว่ามีความเข้าใจที่ถูกต้องหรือไม่ และให้กรอกที่อยู่ที่สะดวกในการจัดส่ง เพราะเด็กบางรายอาจไม่ต้องการให้ที่บ้านรับรู้ หรือบางรายสามารถลงทะเบียนขอรับการ์ดผ่านอินเทอร์เน็ตได้ โดยจะต้องมีการกรอกแบบสอบถามและที่อยู่เช่นกัน

โครงร่างนี้จะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี งบประมาณสูงสุดอยู่ที่ 5 ล้านบาท เพื่อเก็บข้อมูลและติดตามผลว่าสามารถช่วยลดปัญหาได้หรือไม่ จึงอยากให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้ามาสนับสนุน อย่างไรก็ตาม คาดว่าอาจจะมีแรงต้านพอสมควร เพราะเหมือนเป็นการส่งเสริมการมีเพศสัมพันธ์แบบเสรี แต่ก็ควรที่จะต้องเดินหน้า เพราะอย่างน้อยจะช่วยให้ไทยได้ข้อมูลเรื่องการคุมกำเนิดมากขึ้น และสามารถวัดผลได้ว่าการท้องในวัยรุ่น และการทำแท้งลดลงหรือไม่ หากดำเนินการแล้วพบว่าไม่สามารถแก้ปัญหาในบริบทของประเทศไทยได้เหมือนอังกฤษ ก็ค่อยหามาตรการอื่นในการแก้ปัญหา ดีกว่าไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย” พญ.ภัทรวลัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น