กทม.เปิดเฟซบุ๊ก “บางกอกอาย” หวังคนกรุงร้องเรียน ช่วยกระตุ้นเจ้าหน้าที่ทำงานมากขึ้น เล็งพัฒนาเป็นแอปพลิเคชัน เอื้อคนพิการหูหนวก-ตาบอด ร่วมใช้ คาดแล้วเสร็จปลายปีนี้
วันนี้ (7 ก.ย.) น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.ได้สร้างแฟนเพจในเว็บไซต์เฟซบุ๊กชื่อ “บางกอกอาย (Bangkokeye)” ขึ้นตามนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม.ที่ต้องการให้ กทม.ได้มีการสื่อสารกับประชาชนแบบ 2 ทาง และอยากให้คนกรุงเทพฯ ช่วยกันดูแลเมือง หากมีการร้องเรียนเข้ามา กทม.ก็สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งวิธีการนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต และเจ้าหน้าที่ในส่วนอื่นๆ เกิดความกระตือรือร้นในการทำงานมากยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิดไม่ปฏิเสธการรับเลือก รับเลือกมาแล้วส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานงานเพื่อบรรเทาทุกข์ของประชาชน
น.ส.อนุสรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กทม.กำลังให้คณะเทคโนโลยีการศึกษา ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งดำเนินการพัฒนาระบบบางกอกอาย เป็นแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อผู้พิการทางสายตา ผู้พิการทางหู ซึ่งได้ทำการศึกษาแล้วว่าสามารถทำได้ โดยใช้สัญลักษณะสำหรับคนตาบอด ด้านคนหูหนวกนั้นตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการใช้งาน สำหรับวิธีการใช้แอปพลิเคชันจะมีการเชื่อมโยงกับกูเกิล (Google) และผู้ร้องทุกข์ก็แจ้งเรื่องได้ทันที ทั้งนี้การจัดทำแอปพลิเคชันดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาและการทดลองระบบ เมื่อเสร็จแล้วอาจจะต้องมีการทำทดลองใช้และสำรวจความคิดเห็นประชาชนก่อน เพื่อที่จะได้นำไปปรับปรุงและลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน ตนคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน
“ด้านสายด่วนร้องทุกข์ 1555 นั้น ก็ได้มีการพัฒนาระบบเช่นกัน โดยการพัฒนาจะการพัฒนาที่ตัวบุคคล และยังคงมีอยู่ต่อไป เนื่องจากว่าประชาชนบางคนก็ไม่มีเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามจะมีการติดตามว่าหากประชาชนแจ้งมาแล้วเราสามารถแก้ไขปัญหาให้เขาได้มากน้อยเพียงใด” น.ส.อนุสรี กล่าว
วันนี้ (7 ก.ย.) น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.ได้สร้างแฟนเพจในเว็บไซต์เฟซบุ๊กชื่อ “บางกอกอาย (Bangkokeye)” ขึ้นตามนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม.ที่ต้องการให้ กทม.ได้มีการสื่อสารกับประชาชนแบบ 2 ทาง และอยากให้คนกรุงเทพฯ ช่วยกันดูแลเมือง หากมีการร้องเรียนเข้ามา กทม.ก็สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งวิธีการนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต และเจ้าหน้าที่ในส่วนอื่นๆ เกิดความกระตือรือร้นในการทำงานมากยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิดไม่ปฏิเสธการรับเลือก รับเลือกมาแล้วส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานงานเพื่อบรรเทาทุกข์ของประชาชน
น.ส.อนุสรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กทม.กำลังให้คณะเทคโนโลยีการศึกษา ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งดำเนินการพัฒนาระบบบางกอกอาย เป็นแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อผู้พิการทางสายตา ผู้พิการทางหู ซึ่งได้ทำการศึกษาแล้วว่าสามารถทำได้ โดยใช้สัญลักษณะสำหรับคนตาบอด ด้านคนหูหนวกนั้นตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการใช้งาน สำหรับวิธีการใช้แอปพลิเคชันจะมีการเชื่อมโยงกับกูเกิล (Google) และผู้ร้องทุกข์ก็แจ้งเรื่องได้ทันที ทั้งนี้การจัดทำแอปพลิเคชันดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาและการทดลองระบบ เมื่อเสร็จแล้วอาจจะต้องมีการทำทดลองใช้และสำรวจความคิดเห็นประชาชนก่อน เพื่อที่จะได้นำไปปรับปรุงและลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน ตนคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน
“ด้านสายด่วนร้องทุกข์ 1555 นั้น ก็ได้มีการพัฒนาระบบเช่นกัน โดยการพัฒนาจะการพัฒนาที่ตัวบุคคล และยังคงมีอยู่ต่อไป เนื่องจากว่าประชาชนบางคนก็ไม่มีเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามจะมีการติดตามว่าหากประชาชนแจ้งมาแล้วเราสามารถแก้ไขปัญหาให้เขาได้มากน้อยเพียงใด” น.ส.อนุสรี กล่าว
