ปลัด ศธ.สนองนโยบายนายกฯ ให้ดูแลเด็ก ม.3 ตกหล่น เล็งปรับเกณฑ์ 1 อำเภอ 1 ทุน ใหม่ จัดสรรทุนให้ตั้งแต่ระดับมัธยมปลาย ระบุอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดก่อนชง รมว.ศึกษาฯ และคณะกรรมการบริหารพิจารณา
นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เพื่อสนองนโยบายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการจัดสรรทุนการศึกษาหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น และถ้าเป็นไปได้นายกฯต้องการให้เน้นจัดสรรทุนให้นักเรียนที่จบมัธยมศึกษา (ม.) ปีที่ 3 มากขึ้น ปัจจุบัน นักเรียนที่จบชั้น ม.3 จำนวนไม่น้อยต้องออกจากระบบการศึกษา ครอบครัวของเด็กยากจนจึงไม่สามารถส่งเรียนต่อได้ เด็กต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานแทน โดยจากการเก็บข้อมูลพบว่า นักเรียนที่จบ ม.3 ทั้งหมด เรียนต่อระดับมัธยมปลายแค่ 65% เท่านั้น เพราะฉะนั้น นายกฯจึงอยากให้ ศธ.จัดสรรทุนให้นักเรียนที่จบ ม.3 เรียนต่อทั้งสายสามัญและอาชีวศึกษา โดยเน้นทุนในสาขาที่ต้องกับความต้องการของประเทศ
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานปลัด ศธ.ซึ่งดูแลโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนอยู่นั้น วางแผนสนองนโยบายดังกล่าวด้วยการเสนอปรับปรุงโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนใหม่โดยจะเสนอให้เริ่มจัดสรรทุนให้เด็กตั้งแต่ระดับมัธยมปลายเพื่อเพิ่มโอกาสในการศึกษาต่อให้แก่นักเรียน ม.3 จากเดิมที่ทุนดังกล่าวเป็นทุนเรียนต่อระดับปริญญาตรีโดยให้เลือกศึกษาต่อทั้งในประเทศหรือต่างประเทศได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่เป็นที่ยุติอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด เพราะต้องไปดูระเบียบที่เกี่ยวข้องว่าเปิดช่องให้ทำได้หรือไม่ และท้ายสุดจะต้องนำเสนอ รมว.ศึกษาธิการ และคณะกรรมการบริหารโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนพิจารณาก่อน
“นอกจากนี้อาจต้องมีการเพิ่มให้ทุนให้เปล่าในสาขาที่ประเทศต้องการ หรือให้ทุนลักษณะเรียนไปทำงานไป รวมถึงควรขยายทุนเรียนต่อสายอาชีพในระดับ ปวช.ด้วย ซึ่งปัจจุบันก็มีสถานประกอบการหลายแห่งมารวมจัดการศึกษาแบบทวิภาคี ผู้เรียนสามารถทำงานหารายได้ระหว่างเรียนในสถานประกอบการและจบออกมาก็มีงานรองรับ ซึ่งตรงนี้ควรส่งเสริม ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ควรจะเปิดช่องเปิดโอกาสให้เด็กที่เรียนอาชีวศึกษามีโอกาสรับทุนมากขึ้น นอกจากจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้เด็กแล้ว ยังแก้ปัญหาหาผู้รับทุนได้ไม่ครบทุกอำเภอด้วย ยกตัวอย่าง ทุนรุ่น 4 ซึ่งจะเปิดสอบรอบ 2 ในปลายเดือน ต.ค.นี้นั้น หากไม่มีผู้สอบข้อเขียนผ่านตามเกณฑ์ครบทุกอำเภอ ก็อาจจะสามารถจัดสรรทุนให้สายอาชีวศึกษาได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้อีกทาง ” นางสุทธศรี กล่าว
ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า นายกฯ ยังมอบให้ ศธ.ไปทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เพื่อวางแผนเร่งด่วนในการผลิตกำลังคนให้ตรงความต้องการของประเทศ โดยเฉพาะการผลิตกำลังคนรองรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ มูลค่า 2.2 ล้านบาท ซึ่งต้องการกำลังคนสาอาชีวศึกษาจำนวนมากในหลายสาขา โดยนายกฯเสนอว่า ให้จัดตลาดนัดพบกันโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้เลย เพื่อจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า ขาดแคลนกำลังคนในสาขาใดจำนวนเท่าไหร่ นอกจากนั้น นายกฯยังให้ ศธ.ทำงานร่วมกัน สภาพัฒน์วางแผนขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาคนตามช่วงอายุ หรือ Life Cycle โดย ศธ.จะเกี่ยวข้องในส่วนการวางแผนจัดการศึกษาให้เหมาะสมกับช่วงอายุ
นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เพื่อสนองนโยบายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการจัดสรรทุนการศึกษาหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น และถ้าเป็นไปได้นายกฯต้องการให้เน้นจัดสรรทุนให้นักเรียนที่จบมัธยมศึกษา (ม.) ปีที่ 3 มากขึ้น ปัจจุบัน นักเรียนที่จบชั้น ม.3 จำนวนไม่น้อยต้องออกจากระบบการศึกษา ครอบครัวของเด็กยากจนจึงไม่สามารถส่งเรียนต่อได้ เด็กต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานแทน โดยจากการเก็บข้อมูลพบว่า นักเรียนที่จบ ม.3 ทั้งหมด เรียนต่อระดับมัธยมปลายแค่ 65% เท่านั้น เพราะฉะนั้น นายกฯจึงอยากให้ ศธ.จัดสรรทุนให้นักเรียนที่จบ ม.3 เรียนต่อทั้งสายสามัญและอาชีวศึกษา โดยเน้นทุนในสาขาที่ต้องกับความต้องการของประเทศ
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานปลัด ศธ.ซึ่งดูแลโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนอยู่นั้น วางแผนสนองนโยบายดังกล่าวด้วยการเสนอปรับปรุงโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนใหม่โดยจะเสนอให้เริ่มจัดสรรทุนให้เด็กตั้งแต่ระดับมัธยมปลายเพื่อเพิ่มโอกาสในการศึกษาต่อให้แก่นักเรียน ม.3 จากเดิมที่ทุนดังกล่าวเป็นทุนเรียนต่อระดับปริญญาตรีโดยให้เลือกศึกษาต่อทั้งในประเทศหรือต่างประเทศได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่เป็นที่ยุติอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด เพราะต้องไปดูระเบียบที่เกี่ยวข้องว่าเปิดช่องให้ทำได้หรือไม่ และท้ายสุดจะต้องนำเสนอ รมว.ศึกษาธิการ และคณะกรรมการบริหารโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนพิจารณาก่อน
“นอกจากนี้อาจต้องมีการเพิ่มให้ทุนให้เปล่าในสาขาที่ประเทศต้องการ หรือให้ทุนลักษณะเรียนไปทำงานไป รวมถึงควรขยายทุนเรียนต่อสายอาชีพในระดับ ปวช.ด้วย ซึ่งปัจจุบันก็มีสถานประกอบการหลายแห่งมารวมจัดการศึกษาแบบทวิภาคี ผู้เรียนสามารถทำงานหารายได้ระหว่างเรียนในสถานประกอบการและจบออกมาก็มีงานรองรับ ซึ่งตรงนี้ควรส่งเสริม ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ควรจะเปิดช่องเปิดโอกาสให้เด็กที่เรียนอาชีวศึกษามีโอกาสรับทุนมากขึ้น นอกจากจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้เด็กแล้ว ยังแก้ปัญหาหาผู้รับทุนได้ไม่ครบทุกอำเภอด้วย ยกตัวอย่าง ทุนรุ่น 4 ซึ่งจะเปิดสอบรอบ 2 ในปลายเดือน ต.ค.นี้นั้น หากไม่มีผู้สอบข้อเขียนผ่านตามเกณฑ์ครบทุกอำเภอ ก็อาจจะสามารถจัดสรรทุนให้สายอาชีวศึกษาได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้อีกทาง ” นางสุทธศรี กล่าว
ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า นายกฯ ยังมอบให้ ศธ.ไปทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เพื่อวางแผนเร่งด่วนในการผลิตกำลังคนให้ตรงความต้องการของประเทศ โดยเฉพาะการผลิตกำลังคนรองรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ มูลค่า 2.2 ล้านบาท ซึ่งต้องการกำลังคนสาอาชีวศึกษาจำนวนมากในหลายสาขา โดยนายกฯเสนอว่า ให้จัดตลาดนัดพบกันโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้เลย เพื่อจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า ขาดแคลนกำลังคนในสาขาใดจำนวนเท่าไหร่ นอกจากนั้น นายกฯยังให้ ศธ.ทำงานร่วมกัน สภาพัฒน์วางแผนขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาคนตามช่วงอายุ หรือ Life Cycle โดย ศธ.จะเกี่ยวข้องในส่วนการวางแผนจัดการศึกษาให้เหมาะสมกับช่วงอายุ
