ภาคีเครือข่ายฯ หนุนขยายภาพคำเตือนบนซองบุหรี่

องค์กรและบุคลากรรวมกว่า 160 รายชื่อ หนุนขยายภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ชี้เป็นมาตรการจำเป็นในการคุ้มครองสุขภาพ ติ บ.บุหรี่ข้ามชาติเห็นแก่กำไรเหนือความทุกข์ทรมานและชีวิตคนไทย

นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ นักวิชาการสำนักวิจัยนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ (สวน.) ในฐานะตัวแทน ภาคีเครือข่ายควบคุมโรคไม่ติดต่อ เปิดเผยว่า ภาคีเครือข่ายฯ อันประกอบด้วยองค์กรวิชาการ องค์กรด้านสุขภาพ และองค์กรสาธารณกุศล รวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้อง จำนวนทั้งสิ้น 160 รายชื่อ อาทิ แผนงานเครือข่ายควบคุมโรคไม่ติดต่อ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และสถาบันสื่อเด็กเเละเยาวชน เป็นต้น มีความกังวลจากกรณีที่บริษัทบุหรี่ขอให้ศาลปกครองเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการเพิ่มขนาดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ และศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งชะลอการบังคับใช้กฎหมาย จึงได้ร่วมกันออกแถลงการณ์สนับสนุนมาตรการการขยายภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพที่สำคัญที่สุดในสังคมไทย ที่ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม โดยคนไทย 50,710 คน ที่เสียชีวิตต่อปีนั้น ร้อยละ 31.2 หรือ 15,831 คน เสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี และโดยเฉลี่ยป่วยหนักเป็นเวลาสองปี ก่อนที่จะเสียชีวิต เป็นความสูญเสียเป็นภาระต่อครอบครัวและสังคม

“การขยายภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดจำนวนผู้สูบ และสอดคล้องกับกฎหมายในการควบคุมยาสูบของโลก ที่ประเทศอื่นๆ ก็ได้มีการดำเนินการแล้ว ทางเครือข่ายจึงอยากแสดงจุดยืนเพื่อสนับสนุนมาตรการดังกล่าว และขอให้กำลังใจ นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และทีมงานในการยืนหยัดผลักดันมาตรการนี้ต่อไป” นพ.วิชช์ กล่าว

นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส นายกแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ข้อมูลจากการสำรวจพบว่า ประชาชนไทย ร้อยละ 72 อยากให้มีภาพคำเตือนขนาดใหญ่ 85% หรือมากกว่าบนซองบุหรี่ และประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการขัดขวางโดยการฟ้องศาลของบริษัทบุหรี่มีมากกว่าผู้ที่เห็นด้วยถึง 6.4 เท่า ทางภาคีเครือข่ายฯจึงขอเรียกร้องให้บริษัทบุหรี่ต่างชาติได้เคารพความคิดเห็นของคนไทย ที่ต้องการให้คนไทยสูบบุหรี่น้อยลง ยุติความพยายามในการขัดขวางการควบคุมการบริโภคยาสูบ เพราะที่ผ่านมาบริษัทก็ได้สร้างผลกำไรจากความเจ็บป่วยและความตายของประชาชนไทยมามากเกินไปแล้ว โดยประมาณการว่า บริษัทบุหรี่ข้ามชาติทั้งสามบริษัทที่ฟ้องศาลปกครองมีกำไรจากการขายบุหรี่ในประเทศไทยปีละสามพันล้านบาท

“เราไม่ว่าต่อการที่บริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ทำธุรกิจและขนกำไรออกจากประเทศไทย แต่การฟ้องศาลเพื่อยับยั้งกฎหมายที่จะทำให้คนไทยสูบบุหรี่น้อยลง เป็นการละเมิดอธิปไตยที่เราต้องการทำให้สังคมเราดีขึ้น เป็นเรื่องที่พวกเรารับไม่ได้ และคิดว่าสังคมไทยส่วนใหญ่ก็รับไม่ได้เช่นกัน” นพ.วันชาติ กล่าว