xs
xsm
sm
md
lg

สธ.ชี้สมุนไพรไทยสรรพคุณล้นเร่งส่งเสริมให้ใช้กว่า 5 รายการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.ชี้สมุนไพรไทยรักษาได้หลายโรค แต่ต้องเพิ่มการวิจัย สร้างความเชื่อมั่นและยอมรับ
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่โรงแรมพูลแมน ราชา ออคิด จ.ขอนแก่น นพ.สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “การแพทย์แผนไทยจะเป็นแผนหลักของไทยในชาตินี้” ในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุขประจำปี 2556 ว่า การแพทย์แผนไทยมีบทบาทในการดูแลสุขภาพของสังคมไทยมายาวนานมีรากฐานพัฒนามาจากพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์มานานกว่า 2,000 ปี ดูแลคนทุกระดับชั้น หลังจากที่มีการแพทย์แผนตะวันตกเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2431 มีการยกเลิกการสอนวิชาแพทย์แผนไทย ในโรงเรียนแพทย์ใน พ.ศ.2458 ทำให้การแพทย์แผนไทยไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างเป็นทางการ และหมดบทบาทในการดูแลสุขภาพในระบบบริการสาธารณสุขของประเทศ

นพ.สมชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประชาชนทุกกลุ่มวัยมีความสนใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ตามที่เห็นโฆษณาผลิตภัณฑ์ในสื่อต่างๆ การที่จะผลักดันให้ประชาชนใช้ยาสมุนไพรให้มากขึ้น ต้องทำให้เกิดการยอมรับและเชื่อมั่นเรื่องประสิทธิภาพการรักษาก่อนพัฒนาระบบการผลิตยาสมุนไพรให้มีมาตรฐาน พัฒนาตำรับยาสมุนไพรและการวิเคราะห์วิจัยยาสมุนไพรให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมการใช้สมุนไพร 5 รายการ ได้แก่ ใบบัวบก กระชายดำ ลูกประคบ กวาวเครือ และไพล

นพ.สมชัย กล่าวต่อไปว่า การแพทย์แผนไทยในปัจจุบันมีความก้าวหน้ากว่าในอดีตมาก แต่ยังต้องพัฒนาศึกษาวิเคราะห์สรรพคุณด้านตัวยา และติดตามประเมินผลในการรักษาด้วยยาสมุนไพร เพื่อให้เกิดการยอมรับและศรัทธา ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการผสมผสานกับระบบดูแลสุขอนามัย การออกกำลังกายและกายภาพบำบัดร่วมกันด้วย โดยรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายจะเร่งส่งเสริมการวิจัย การใช้สมุนไพรให้มากขึ้น และการคุ้มครองอนุรักษ์พืชสมุนไพร เพื่อให้เกิดการยอมรับจากประชาชน และเกิดการบูรณาการการให้บริการร่วมกันของสถานบริการในสังกัด มีการปฏิบัติจริงในโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสร้างการตระหนักถึงคุณค่าสมุนไพรไทยในกลุ่มประชาชน และบุคลากรสาธารณสุข

ด้าน นพ.ทวี เลาหพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า เสน่ห์ของการแพทย์แผนไทยคือการให้คำแนะนำการนำทฤษฎีที่อยู่ในคัมภีร์แพทย์แผนไทยรุ่นเก่ามาถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น และประยุกต์ความรู้ที่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งการรักษาในคนในยุคก่อนจะมีการตรวจร่างกาย ดูความผิดปกติของธาตุในร่างกายก่อน แล้วให้ยาสมุนไพรไปต้มดื่มตามอาการ ไม่ได้จ่ายยาเพื่อฆ่าเชื้อเกินความจำเป็นเหมือนในปัจจุบัน

นพ.ฉัตรชัย สวัสดิไชย ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า โรงพยาบาลพระปกเกล้า ได้เปิดให้บริการรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ประชาชนใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ มียาแผนไทยรักษาโรคได้ผลดี เช่น โรคเริม งูสวัด อีสุกอีใส โรคตับแข็งจากแอลกอฮอล์ โรคเอสแอลอี โรคกระเพาะอาหาร เป็นต้น
โดยต้องกินยาสมุนไพรตามตำรับที่แพทย์จัดให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสมุนไพร และยาแผนไทยหลายชนิด ยังไม่สามารถพัฒนารูปแบบให้ทันสมัยได้ ต้องใช้วิธีการเดิมเช่นยาหม้อ


กำลังโหลดความคิดเห็น