แม้ว่าโรคเอ็มเอสจะยังไม่คุกคามคนไทยมากนัก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้นิ่งนอนใจได้ โดยเฉพาะคนในวัยทำงาน และเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว นี่คือโรคอีกชนิดหนึ่งซึ่งคุณต้องรู้ทัน
นพ.อรรถสิทธิ์ นวะอภิศักดิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันประสาทวิทยา ให้ข้อมูลว่า โรคเอ็มเอส (MS) หรือเรียกเป็นชื่อไทยว่า “โรคปลอกประสาทอักเสบ” (Multiple Sclerosis) เป็นโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของประสาทสั่งการ ผู้ป่วยโรคนี้จะรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ เนื่องจากการนำสัญญาณของเส้นประสาทจากสมองส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เสียไป ซึ่งมีสาเหตุจากปลอกหุ้มเส้นประสาท ภายในระบบประสาทส่วนกลางได้รับความเสียหาย หรือถูกทำลาย
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของเอ็มเอส แม้จะมีการนำเอาทฤษฎีต่างๆมาอธิบายก็ตาม เอ็มเอสเป็นโรคของภูมิต้านตนเองเกิดขึ้น เนื่องจากร่างกายไม่อาจแยกแยะถึงความแตกต่างระหว่างเซลล์ร่างกายกับสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดการทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อของตนเองขึ้น ในผู้ป่วยโรคเอ็มเอส เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ ไปทำลายปลอกหุ้มประสาทรวมทั้งเส้นประสาทด้วย ขณะที่นักวิจัยบางคนเชื่อว่าโรคภูมิต้านตนเองชนิดนี้อาจเกิดเนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่งที่ก่อโรคได้ทั่วไป เช่น เชื้อหัด
“บุคคลกลุ่มเสี่ยงนั้น มักพบมากในกลุ่มคนอายุน้อย วัยหนุ่มสาว หรือวัยทำงาน คือช่วงอายุระหว่าง 20-40 ปี ขณะที่อายุน้อยกว่า 12 ปี หรือมากกว่า 55 ปี พบผู้ป่วยโรคเอ็มเอสน้อยมากนอกจากนี้ยังพบว่า ผู้หญิงเป็นโรคเอ็มเอส มากกว่าผู้ชายถึงครึ่งเท่าตัว เนื่องจากฮอร์โมนมีความแตกต่างกัน ปัจจุบันทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคเอ็มเอสประมาณ 2,500,000 คน และพบในประเทศไทยน้อยมาก ส่วนใหญ่จะพบผู้ป่วยโรคเอ็มเอสในประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เป็นต้น หรือในเขตที่อากาศหนาวเย็น”
ส่วนเรื่องอาการ ผู้ป่วยโรคเอ็มเอสจะมีอาการหลากหลาย ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดโรค เช่น หากเกิดที่เส้นประสาทตา จะส่งผลต่อการมองเห็น อาจสูญเสียการมองเห็นของตาข้างใดข้างหนึ่ง เนื่องจากเส้นประสาทตาอักเสบ จึงทำให้ปวดตา ตามัว ภายในเวลา 1-2 นาทีหากเกิดที่ไขสันหลัง หรือสมอง อาจมองเห็นภาพซ้อน มีอาการชาครึ่งตัว แขนขาไม่มีแรง เหน็บชา ปวด หรือปัสสาวะไม่ออก ขึ้นอยู่กับว่าเกิดที่สมองส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมส่วนไหนของร่างกาย ถ้าเป็นที่สมองส่วนกลางที่ควบคุมการทรงตัว คนไข้อาจมีอาการหัวหมุน หรือวิงเวียนศีรษะได้ แต่มักมีอาการอื่นร่วมด้วย ทั้งนี้หากเป็นมากอาจสูญเสียการเคลื่อนไหวของร่างกาย จนอาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต และเสียชีวิตได้เช่นเดียวกับที่ไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัด เพราะอาจเกี่ยวโยงไปถึงระบบพันธุกรรมด้วย ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด นอกจากการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงแล้ว ถ้าหากคุณมีอาการดังกล่าวมา ก็อย่ารีรอที่จะไปปรึกษาแพทย์
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo
นพ.อรรถสิทธิ์ นวะอภิศักดิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันประสาทวิทยา ให้ข้อมูลว่า โรคเอ็มเอส (MS) หรือเรียกเป็นชื่อไทยว่า “โรคปลอกประสาทอักเสบ” (Multiple Sclerosis) เป็นโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของประสาทสั่งการ ผู้ป่วยโรคนี้จะรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ เนื่องจากการนำสัญญาณของเส้นประสาทจากสมองส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เสียไป ซึ่งมีสาเหตุจากปลอกหุ้มเส้นประสาท ภายในระบบประสาทส่วนกลางได้รับความเสียหาย หรือถูกทำลาย
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของเอ็มเอส แม้จะมีการนำเอาทฤษฎีต่างๆมาอธิบายก็ตาม เอ็มเอสเป็นโรคของภูมิต้านตนเองเกิดขึ้น เนื่องจากร่างกายไม่อาจแยกแยะถึงความแตกต่างระหว่างเซลล์ร่างกายกับสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดการทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อของตนเองขึ้น ในผู้ป่วยโรคเอ็มเอส เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ ไปทำลายปลอกหุ้มประสาทรวมทั้งเส้นประสาทด้วย ขณะที่นักวิจัยบางคนเชื่อว่าโรคภูมิต้านตนเองชนิดนี้อาจเกิดเนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่งที่ก่อโรคได้ทั่วไป เช่น เชื้อหัด
“บุคคลกลุ่มเสี่ยงนั้น มักพบมากในกลุ่มคนอายุน้อย วัยหนุ่มสาว หรือวัยทำงาน คือช่วงอายุระหว่าง 20-40 ปี ขณะที่อายุน้อยกว่า 12 ปี หรือมากกว่า 55 ปี พบผู้ป่วยโรคเอ็มเอสน้อยมากนอกจากนี้ยังพบว่า ผู้หญิงเป็นโรคเอ็มเอส มากกว่าผู้ชายถึงครึ่งเท่าตัว เนื่องจากฮอร์โมนมีความแตกต่างกัน ปัจจุบันทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคเอ็มเอสประมาณ 2,500,000 คน และพบในประเทศไทยน้อยมาก ส่วนใหญ่จะพบผู้ป่วยโรคเอ็มเอสในประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เป็นต้น หรือในเขตที่อากาศหนาวเย็น”
ส่วนเรื่องอาการ ผู้ป่วยโรคเอ็มเอสจะมีอาการหลากหลาย ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดโรค เช่น หากเกิดที่เส้นประสาทตา จะส่งผลต่อการมองเห็น อาจสูญเสียการมองเห็นของตาข้างใดข้างหนึ่ง เนื่องจากเส้นประสาทตาอักเสบ จึงทำให้ปวดตา ตามัว ภายในเวลา 1-2 นาทีหากเกิดที่ไขสันหลัง หรือสมอง อาจมองเห็นภาพซ้อน มีอาการชาครึ่งตัว แขนขาไม่มีแรง เหน็บชา ปวด หรือปัสสาวะไม่ออก ขึ้นอยู่กับว่าเกิดที่สมองส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมส่วนไหนของร่างกาย ถ้าเป็นที่สมองส่วนกลางที่ควบคุมการทรงตัว คนไข้อาจมีอาการหัวหมุน หรือวิงเวียนศีรษะได้ แต่มักมีอาการอื่นร่วมด้วย ทั้งนี้หากเป็นมากอาจสูญเสียการเคลื่อนไหวของร่างกาย จนอาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต และเสียชีวิตได้เช่นเดียวกับที่ไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัด เพราะอาจเกี่ยวโยงไปถึงระบบพันธุกรรมด้วย ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด นอกจากการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงแล้ว ถ้าหากคุณมีอาการดังกล่าวมา ก็อย่ารีรอที่จะไปปรึกษาแพทย์
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo