กทม. แจงขณะนี้รถ-เรือดับเพลิงไม่สามารถนำมาใช้งานได้ อยู่ระหว่างการตัดสินคดี ด้าน “ชายหมู” สั่งผู้เกี่ยวข้องปิดปากเงียบ หวั่นกระทบรูปคดี
วันนี้ (11 ก.ย.) แหล่งข่าวทางกฎหมายจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกรณีองค์คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงกรุงเทพมหานคร ให้จำคุก นายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 12 ปี พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.10 ปี ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้อ่านสำนวนคำพิพากษา แต่ได้มีการประสานกับทางพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในการขอคัดสำเนารายละเอียดคำพิพากษา เนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งทีมกฎหมายของพรรค ปชป.จะมีการหารือเรื่องนี้ด้วย เมื่อได้รับสำเนารายละเอียดคำพิพากษาแล้ว จะต้องนำมาศึกษารายละเอียดและแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเสนอต่อชั้นอนุญาโตตุลาการของศาลโลก ซึ่งจะเป็นข้อต่อสู้ที่มีน้ำหนักมากขึ้น ว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ที่มีศาลฎีกาฯซึ่งเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดของประเทศ ได้พิพากษาว่าอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย และอดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีความผิดทุจริตในโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง
แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตามคำพิพากษาข้างต้น จะเป็นการยืนยันต่ออนุญาโตตุลาการว่า มีการทุจริตในโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจริง กทม.จึงต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งคำพิพากษาของศาลฎีกาจะทำให้คำร้องของ กทม.ต่ออนุญาโตตุลาการและการเรียกค่าเสียหายที่ไม่สามารถนำรถและเรือดับเพลิงมาใช้ได้จากผู้ถูกกล่าวหามีน้ำหนักมากขึ้น เนื่องจากคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกันหลายคดีที่ซ้อนกันอยู่ ซึ่งยังมีการฟ้องร้องของบริษัทเอกชน 2 แห่งกับ กทม.คือบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด ที่ดูแลรถดับเพลิงที่จอดอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนเรือและรถดับเพลิงบางส่วนอยู่ที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ในการดูแลของบริษัท เทพยนต์ ในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก กทม.เรียกเก็บค่ารักษารถและเรือดับเพลิง ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
“จริงๆ แล้วที่ผู้ว่าฯ กทม.และผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ไม่สามารถให้รายละเอียดได้นั้น เพราะอนุญาโตตุลาการห้ามให้มีการแถลงข่าวใดๆ ในระหว่างที่กระบวนการพิจารณายังไม่สิ้นสุด เพราะจะกระทบกับบริษัทเอกชนที่เป็นคู่พิพาทกันอยู่” แหล่งข่าวกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนศิริ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) เปิดเผยว่า กทม.ไม่สามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับรถและเรือดับเพลิงที่ส่งมอบมาได้ เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้มีคำสั่งชี้มูลความผิดว่ามีการทุจริตจึงไม่สามารถนำออกมาใช้งานได้ รวมถึง กทม.ยังไม่ได้เซ็นรับรองรถเอาไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม การจะนำรถและเรือออกมาใช้ได้หรือไม่ จะต้องให้คณะอนุญาโตตุลาการตัดสินคดีความเรื่องนี้ก่อน เพราะมีการต่อสู้ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นไต่สวนของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้รถและเรือที่จอดไว้ยังไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่ารถที่จอดไว้ทั้ง 2 แห่งนั้น ล้อรถหลายคันได้เสื่อมสภาพ เพราะตากแดดเอาไว้นานหลายปีจนไม่สามารถนำมาใช้การได้ คาดว่าถ้าจะนำมาใช้งานนั้นจะต้องทำการซ่อมแซมก่อ ซึ่งคงต้องใช้เงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ภายหลังที่มีคำพิพากษาคดีรถดับเพลิงของคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกมานั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เรียก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม.ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) เข้าไปหารือในห้องทำงานที่ศาลาว่าการ กทม.เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์ พล.ต.อ.อัศวิน และผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับการปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าเป็นนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่ไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวต่อคดีได้ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับคดีระหว่าง กทม.และบริษัท สไตเออร์ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอนุญาโตตุลาการ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
วันนี้ (11 ก.ย.) แหล่งข่าวทางกฎหมายจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกรณีองค์คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงกรุงเทพมหานคร ให้จำคุก นายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 12 ปี พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.10 ปี ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้อ่านสำนวนคำพิพากษา แต่ได้มีการประสานกับทางพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในการขอคัดสำเนารายละเอียดคำพิพากษา เนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งทีมกฎหมายของพรรค ปชป.จะมีการหารือเรื่องนี้ด้วย เมื่อได้รับสำเนารายละเอียดคำพิพากษาแล้ว จะต้องนำมาศึกษารายละเอียดและแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเสนอต่อชั้นอนุญาโตตุลาการของศาลโลก ซึ่งจะเป็นข้อต่อสู้ที่มีน้ำหนักมากขึ้น ว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ที่มีศาลฎีกาฯซึ่งเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดของประเทศ ได้พิพากษาว่าอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย และอดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีความผิดทุจริตในโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง
แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตามคำพิพากษาข้างต้น จะเป็นการยืนยันต่ออนุญาโตตุลาการว่า มีการทุจริตในโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจริง กทม.จึงต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งคำพิพากษาของศาลฎีกาจะทำให้คำร้องของ กทม.ต่ออนุญาโตตุลาการและการเรียกค่าเสียหายที่ไม่สามารถนำรถและเรือดับเพลิงมาใช้ได้จากผู้ถูกกล่าวหามีน้ำหนักมากขึ้น เนื่องจากคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกันหลายคดีที่ซ้อนกันอยู่ ซึ่งยังมีการฟ้องร้องของบริษัทเอกชน 2 แห่งกับ กทม.คือบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด ที่ดูแลรถดับเพลิงที่จอดอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนเรือและรถดับเพลิงบางส่วนอยู่ที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ในการดูแลของบริษัท เทพยนต์ ในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก กทม.เรียกเก็บค่ารักษารถและเรือดับเพลิง ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
“จริงๆ แล้วที่ผู้ว่าฯ กทม.และผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ไม่สามารถให้รายละเอียดได้นั้น เพราะอนุญาโตตุลาการห้ามให้มีการแถลงข่าวใดๆ ในระหว่างที่กระบวนการพิจารณายังไม่สิ้นสุด เพราะจะกระทบกับบริษัทเอกชนที่เป็นคู่พิพาทกันอยู่” แหล่งข่าวกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนศิริ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) เปิดเผยว่า กทม.ไม่สามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับรถและเรือดับเพลิงที่ส่งมอบมาได้ เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้มีคำสั่งชี้มูลความผิดว่ามีการทุจริตจึงไม่สามารถนำออกมาใช้งานได้ รวมถึง กทม.ยังไม่ได้เซ็นรับรองรถเอาไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม การจะนำรถและเรือออกมาใช้ได้หรือไม่ จะต้องให้คณะอนุญาโตตุลาการตัดสินคดีความเรื่องนี้ก่อน เพราะมีการต่อสู้ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นไต่สวนของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้รถและเรือที่จอดไว้ยังไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่ารถที่จอดไว้ทั้ง 2 แห่งนั้น ล้อรถหลายคันได้เสื่อมสภาพ เพราะตากแดดเอาไว้นานหลายปีจนไม่สามารถนำมาใช้การได้ คาดว่าถ้าจะนำมาใช้งานนั้นจะต้องทำการซ่อมแซมก่อ ซึ่งคงต้องใช้เงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ภายหลังที่มีคำพิพากษาคดีรถดับเพลิงของคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกมานั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เรียก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม.ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) เข้าไปหารือในห้องทำงานที่ศาลาว่าการ กทม.เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์ พล.ต.อ.อัศวิน และผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับการปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าเป็นนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่ไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวต่อคดีได้ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับคดีระหว่าง กทม.และบริษัท สไตเออร์ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอนุญาโตตุลาการ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์