นักวิชาการหนุนขึ้นภาษีเหล้า ชี้ต้องใช้หลายมาตรการควบคุมพร้อมกัน เชื่อช่วยลดเด็กเข้าถึงน้ำเมาได้ แนะต้องเพิ่มมาตรการควบคุมร้านเหล้า สกัดเปิดเกลื่อนเมือง
นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจแอลกอฮอล์ กล่าวว่า การเพิ่มภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นเรื่องดีและเห็นด้วยกับมาตรการนี้ เพราะเปลี่ยนวิธีคำนวณภาษีสรรพสามิตสุรา จากเดิมใช้การคำนวณ 2 แบบ ทั้งในเชิงมูลค่าและเชิงปริมาณตามดีกรีแอลกอฮอล์ แล้วเลือกวิธีที่จัดเก็บภาษีได้สูงสุด เป็นการจัดเก็บทั้ง 2 แบบ ขณะเดียวกัน ได้เปลี่ยนวิธีคำนวณต้นทุนภาษีสรรพสามิต ในเชิงมูลค่าจากเดิมสุราในประเทศให้ใช้ราคาต้นทุนหน้าโรงงานมาคำนวณภาษี และสุรานำเข้าให้ใช้ราคาซีไอเอฟ คือ ราคาส่งมอบ ซึ่งคิดแต่เฉพาะค่าต้นทุนสินค้าบวกค่าขนส่ง ไม่คิดค่าประกันสินค้า มาเป็นใช้ราคาขายปลีก หรือราคาขายส่งขั้นสุดท้าย ใช้ในการคำนวณภาษีแทน ซึ่ง
การขึ้นภาษีในลักษณะดังกล่าวทำให้ราคาขายสุดท้ายจะขยับเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมีการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจำหน่ายสุราทั้งในส่วนสุราไทย และต่างประเทศ ก็จะทำให้การเข้าถึงของกลุ่มเยาวชนเกิดขึ้นน้อยลงและลดการเกิดนักดื่มหน้าใหม่ได้
"การเลือกใช้มาตรการใดมาตรการหนึ่งเพื่อควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่สามารถทำได้ จึงจำเป็นต้องผลักดันหลายมาตรการพร้อมกัน ทั้งการปรับเพดานภาษี การปรับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจำหน่ายสุรา ซึ่งเดิมเก็บเพียง 100 บาทต่อการจำหน่ายเหล้าไม่เกิน 10 ลิตร การขายเหล้าต่างประเทศ 1,000 บาทต่อปี ทำให้มีร้านขายสุราเกิดขึ้นจำนวนมาก ที่สำคัญต้องมีการตรวจสอบผู้ประกอบการที่ขอใบอนุญาตไปว่าปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ จากเดิมที่ผู้ขออนุญาตเป็นคนรับรองตัวเองโดยที่ไม่มีการตรวจสอบภายหลังว่าได้ประกอบกิจการเป็นไปตามที่ได้ขออนุญาตหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐได้แต่บอกว่าเจ้าหน้าที่ที่จะตรวจสอบไม่เพียงพอก็ต้องมีการปรับปรุงในส่วนนี้ด้วย นอกจากนี้ยังต้องมีมาตรการควบคุมการโฆษณา และส่งเสริมการขาย เพราะเป็นกลยุทธ์การดึงนักดื่มหน้าใหม่ ดังนั้น รัฐจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้" นายคำรณ
กล่าว
นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจแอลกอฮอล์ กล่าวว่า การเพิ่มภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นเรื่องดีและเห็นด้วยกับมาตรการนี้ เพราะเปลี่ยนวิธีคำนวณภาษีสรรพสามิตสุรา จากเดิมใช้การคำนวณ 2 แบบ ทั้งในเชิงมูลค่าและเชิงปริมาณตามดีกรีแอลกอฮอล์ แล้วเลือกวิธีที่จัดเก็บภาษีได้สูงสุด เป็นการจัดเก็บทั้ง 2 แบบ ขณะเดียวกัน ได้เปลี่ยนวิธีคำนวณต้นทุนภาษีสรรพสามิต ในเชิงมูลค่าจากเดิมสุราในประเทศให้ใช้ราคาต้นทุนหน้าโรงงานมาคำนวณภาษี และสุรานำเข้าให้ใช้ราคาซีไอเอฟ คือ ราคาส่งมอบ ซึ่งคิดแต่เฉพาะค่าต้นทุนสินค้าบวกค่าขนส่ง ไม่คิดค่าประกันสินค้า มาเป็นใช้ราคาขายปลีก หรือราคาขายส่งขั้นสุดท้าย ใช้ในการคำนวณภาษีแทน ซึ่ง
การขึ้นภาษีในลักษณะดังกล่าวทำให้ราคาขายสุดท้ายจะขยับเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมีการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจำหน่ายสุราทั้งในส่วนสุราไทย และต่างประเทศ ก็จะทำให้การเข้าถึงของกลุ่มเยาวชนเกิดขึ้นน้อยลงและลดการเกิดนักดื่มหน้าใหม่ได้
"การเลือกใช้มาตรการใดมาตรการหนึ่งเพื่อควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่สามารถทำได้ จึงจำเป็นต้องผลักดันหลายมาตรการพร้อมกัน ทั้งการปรับเพดานภาษี การปรับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจำหน่ายสุรา ซึ่งเดิมเก็บเพียง 100 บาทต่อการจำหน่ายเหล้าไม่เกิน 10 ลิตร การขายเหล้าต่างประเทศ 1,000 บาทต่อปี ทำให้มีร้านขายสุราเกิดขึ้นจำนวนมาก ที่สำคัญต้องมีการตรวจสอบผู้ประกอบการที่ขอใบอนุญาตไปว่าปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ จากเดิมที่ผู้ขออนุญาตเป็นคนรับรองตัวเองโดยที่ไม่มีการตรวจสอบภายหลังว่าได้ประกอบกิจการเป็นไปตามที่ได้ขออนุญาตหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐได้แต่บอกว่าเจ้าหน้าที่ที่จะตรวจสอบไม่เพียงพอก็ต้องมีการปรับปรุงในส่วนนี้ด้วย นอกจากนี้ยังต้องมีมาตรการควบคุมการโฆษณา และส่งเสริมการขาย เพราะเป็นกลยุทธ์การดึงนักดื่มหน้าใหม่ ดังนั้น รัฐจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้" นายคำรณ
กล่าว