คลังเตรียมถกสรรพสามิตหารือแนวทางยกเลิกสิทธิทางภาษีเครื่องดื่มบางประเภทหากไม่เป็นการช่วยเหลือเกษตรกร เนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายไม่เข้าเงื่อนไขที่กฎหมายระบุไว้ว่า เครื่องดื่มจะต้องมีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือมีน้ำผลไม้ผสมอยู่ไม่น้อยกว่า 10% แต่มาขอใช้สิทธิยกเว้นภาษี จับตาชาเขียว และน้ำอัดลมจ่อโดนเชือด
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ เปิดเผยว่า ตนเตรียมหารือกับนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เกี่ยวกับการยกเลิกสิทธิในการได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับเครื่องดื่มบางรายการในตู้แช่ หากไม่เป็นการช่วยเหลือเกษตรกร รวมถึงการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีอย่างถูกต้อง เนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายไม่เข้าเงื่อนไขที่กฎหมายระบุไว้ว่าเครื่องดื่มจะต้องมีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือมีน้ำผลไม้ผสมอยู่ไม่น้อยกว่า 10% แต่มาขอใช้สิทธิยกเว้นภาษี
“สินค้าส่วนใหญ่ในตู้แช่ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ชี้แจงว่า ไม่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค และไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของการยกเว้นภาษี ที่ต้องเป็นเครื่องดื่มเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และช่วยเหลือเกษตรกร ดังนั้น คงต้องมาดูกันใหม่ว่า เครื่องดื่มที่ได้รับการยกเว้นเหมาะสมหรือไม่ เพราะเครื่องดื่มยกเว้นภาษีกว่า 100 รายการ ถ้าไม่เหมาะสมต้องตัดออก”
นายสมชาย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้หารือกับ อย.แล้ว และเตรียมจะปรับสูตรเครื่องดื่มที่ขายในตู้แช่ให้ตรงตามกฎหมายกำหนดไว้ โดยจะยึดหลักที่เน้นคุณภาพของสินค้าให้มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค และส่งเสริมอาชีพเกษตรกร เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกรมสรรพสามิตได้ส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจสินค้าในตู้แช่อยู่เป็นประจำทุกเดือน โดยใช้หลักสากลมาเปรียบเทียบเพื่อทำให้เป็นมาตรฐานในการคุ้มครองผู้บริโภค หากสุ่มตรวจสินค้าไม่เป็นไปตามที่กฎหมายระบุไว้ก็จะยกเลิกสิทธิของสินค้าดังกล่าวออกจากบัญชีแนบท้ายทันที ทั้งนี้ การแก้ไขสูตรเครื่องดื่มจะส่งผลให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากในแต่ละปีสามารถจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มประเภทไร้แอลกอฮอล์อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท
ก่อนหน้านี้ อธิบดีกรมสรรพสามิตระบุว่า จะเร่งดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดส่วนผสมของเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มบำรุงสมอง โซดา กาแฟพร้อมดื่ม น้ำอัดลม ชาเขียว รังนก เป็นต้น ว่า แต่ละชนิดมีอัตราส่วนผสมของน้ำจากพืช ผัก และผลไม้ ตามเกณฑ์ที่สรรพสามิตกำหนดเอาไว้หรือไม่ ซึ่งหากเครื่องดื่มประเภทใดมีส่วนผสมไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็จะต้องเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นจะทำการสุ่มตรวจเดือนละครั้งเพื่อดูรายละเอียดของส่วนผสมในแต่ละประเภท โดยหากเครื่องดื่มชนิดใดเข้าเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตกำหนดก็จะได้รับการยกเว้นภาษี แต่หากไม่เข้าข่ายก็ต้องดำเนินการเสียภาษีให้ถูกต้องด้วย
นอกจากนี้ มีการเสนอให้มีการแก้ไขสูตรการคำนวณภาษีเครื่องดื่มตู้แช่ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งจะมีผลทำให้กรมสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น หากมีการตัดผู้ประกอบการที่ไม่เข้าข่ายได้รับการยกเว้นภาษีเข้าสู่ระบบภาษี ก็จะทำให้กรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บภาษีในส่วนนี้ได้เพิ่มขึ้น
สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขสู่การคำนวณภาษีเครื่องดื่มตู้แช่นั้น มีการเสนอให้จัดเก็บเป็นแบบขั้นบันไดแทนตามเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสม เช่น ถ้ามีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือผลไม้ 100% จะได้รับการยกเว้นภาษีเต็มจำนวน แต่หากไม่เกิน 50% จะต้องเสียภาษีในอัตราหนึ่ง และหากไม่เกิน 10% ต้องเสียภาษีที่แพงกว่า 50%
อย่างไรก็ดี สูตรการคำนวณภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มชูกำลังแต่ละประเภท เช่น โซดา เก็บภาษีตามมูลค่า 25% เครื่องดื่มทั่วไป เก็บภาษีตามมูลค่า 20% ส่วนน้ำผลไม้ประเภททั่วไป เก็บภาษีตามมูลค่า 20% ขณะที่น้ำผลไม้ทั่วไปที่มีส่วนผสมตามที่กรมสรรพสามิตกำหนดจะได้รับการยกเว้นภาษี