“จาตุรนต์” ฟุ้ง! แท็บเล็ตปี 56 ชุดแรกถึงทันให้เด็กใช้เปิดเทอม 2 ยันยกเลิกประมูลแท็บเล็ตโซน 3 ขณะที่โซนที่เหลือให้ดำเนินการตามขั้นตอน หลังกรมบัญชีกลางยืนยันการดำเนินการที่ สตง.ตั้งข้อสังเกตไม่ขัดต่อระเบียบ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 แท็บเล็ตต่อ 1 นักเรียน ได้พิจารณาการจัดซื้อแท็บเล็ตในโซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) โซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และโซน 4 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยทักท้วงมาก่อนหน้านี้ว่า ดำเนินการไม่ถูกต้อง แต่ ศธ.ได้หารือไปยังกรรมบัญชีกลางซึ่งได้ส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์พิจารณาในประเด็นที่มีข้อสงสัยว่าจะดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบ เช่น ผู้มายื่นซองประมูลต้องทำการทดสอบการตกกระแทก (Drop Test) พร้อมกันทำให้รับรู้ว่า มีบริษัทใดเข้าร่วมประมูลบ้าง อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการคลังก็ทำหนังสือตอบกลับมาว่าในประเด็นดังกล่าวไม่ถือว่าขัดระเบียบและถือได้ว่าการประมูลได้ดำเนินการมาถูกต้องแล้ว เพราะการเห็นผู้มายื่นซองประกวดนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนบริษัทใดจะผ่านการประมูลหรือไม่นั้นก็ถูกทำปิดบังไว้ไม่นำมาเปิดเผยความลับแต่อย่างใด ที่ให้ชะลอไว้จึงยกเลิก และให้ดำเนินการต่อรองราคาแท็บเล็ตตามขั้นตอนเพื่อดำเนินการจัดซื้อต่อไปส่วนการยกเลิกการประมูลในโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) ระดับ ม.1 นั้นที่ประชุมได้พิจารณาถึงข้อกฎหมายต่างๆ และหารือกับฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องเห็นตรงกันว่าสามารถยกเลิกการประมูลได้โดยอาศัยความข้อ 6.5 ของประกาศคุณสมบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ระบุว่าหน่วยงานสามารถยกเลิกการประมูลได้ เพื่อประโยชน์ของราชการ ซึ่งกรณีของการประมูลในโซน 3 ก็เข้าข่ายนี้ เพราะราคาประมูลที่ได้แพงกว่าโซนอื่นๆ อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็มีข้อทักท้วงจาก สตง.ด้วยว่า เป็นการประมูลที่ตั้งใจแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมเสมือนการสมยอมราคา ดังนั้น ที่ประชุมยืนยันให้มีการยกเลิกการประมูลในโซน 3 ซึ่งอำนาจที่จะยกเลิกนั้นจะอยู่ที่คณะกรรมการประกวดราคาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และจะมีการนัดบริษัทที่ชนะการประมูลในโซน 3 มาชี้แจงต่อคณะกรรมการในวันที่ 29 ส.ค.จากนั้นจะพิจารณาการยกเลิกผลการประมูลในโซนดังกล่าวต่อไป
“ แท็บเล็ตปี 2556 ชุดแรกน่าจะถึงมือนักเรียนทันเปิดภาคเรียนที่ 2 เดือนพฤศจิกายน เพราะตามสัญญากำหนดให้ต้องจัดสรรแท็บเล็ตชุดแรกภายใน 35 วันนับจากวันทำสัญญา ซึ่งกว่าจะเสร็จสัญญาและรอการจัดส่งชุดแรกน่าจะใช้เวลาประมาณ 50-60 วัน ส่วนการรับมอบนั้นให้เป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศทีโออาร์ ที่ทั้ง 8 หน่วยงานจะเป็นผู้ตรวจรับของเอง ในส่วนของ สพฐ.เบื้องต้นรายงานว่าจะจ้างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มาดำเนินการตรวจสอบก่อนรับมอบเพราะต้องการให้ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการใช้งาน ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำเมื่อถึงขั้นตอนนั้นขอให้รอบคอบและดำเนินการอย่างรวดเร็ว” นายจาตุรนต์ กล่าว
รมว.ศึกษาฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเรียนการสอน (e-content) สำหรับแท็บเล็ต โดยมีรองเลขาธิการ กพฐ.ที่กำกับดูแลสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สพฐ.เป็นประธาน และมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก ผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) รวมทั้งหน่วยงานที่มีสถานศึกษาเป็นกรรมการ เพื่อทำหน้าทีรับผิดชอบศึกษาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการเรียนการสอนพร้อมแอปพลิเคชันที่มีอยู่ทั่วไป รวมถึงเสนอมาตรฐานในการคัดสรร และพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เหมาะสมกับการเรียนการสอน ตลอดจนจัดทำแผนส่งเสริมและพัฒนาสื่อดังกล่าว เพื่อการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบต่อไป
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 แท็บเล็ตต่อ 1 นักเรียน ได้พิจารณาการจัดซื้อแท็บเล็ตในโซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) โซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และโซน 4 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยทักท้วงมาก่อนหน้านี้ว่า ดำเนินการไม่ถูกต้อง แต่ ศธ.ได้หารือไปยังกรรมบัญชีกลางซึ่งได้ส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์พิจารณาในประเด็นที่มีข้อสงสัยว่าจะดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบ เช่น ผู้มายื่นซองประมูลต้องทำการทดสอบการตกกระแทก (Drop Test) พร้อมกันทำให้รับรู้ว่า มีบริษัทใดเข้าร่วมประมูลบ้าง อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการคลังก็ทำหนังสือตอบกลับมาว่าในประเด็นดังกล่าวไม่ถือว่าขัดระเบียบและถือได้ว่าการประมูลได้ดำเนินการมาถูกต้องแล้ว เพราะการเห็นผู้มายื่นซองประกวดนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนบริษัทใดจะผ่านการประมูลหรือไม่นั้นก็ถูกทำปิดบังไว้ไม่นำมาเปิดเผยความลับแต่อย่างใด ที่ให้ชะลอไว้จึงยกเลิก และให้ดำเนินการต่อรองราคาแท็บเล็ตตามขั้นตอนเพื่อดำเนินการจัดซื้อต่อไปส่วนการยกเลิกการประมูลในโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) ระดับ ม.1 นั้นที่ประชุมได้พิจารณาถึงข้อกฎหมายต่างๆ และหารือกับฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องเห็นตรงกันว่าสามารถยกเลิกการประมูลได้โดยอาศัยความข้อ 6.5 ของประกาศคุณสมบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ระบุว่าหน่วยงานสามารถยกเลิกการประมูลได้ เพื่อประโยชน์ของราชการ ซึ่งกรณีของการประมูลในโซน 3 ก็เข้าข่ายนี้ เพราะราคาประมูลที่ได้แพงกว่าโซนอื่นๆ อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็มีข้อทักท้วงจาก สตง.ด้วยว่า เป็นการประมูลที่ตั้งใจแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมเสมือนการสมยอมราคา ดังนั้น ที่ประชุมยืนยันให้มีการยกเลิกการประมูลในโซน 3 ซึ่งอำนาจที่จะยกเลิกนั้นจะอยู่ที่คณะกรรมการประกวดราคาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และจะมีการนัดบริษัทที่ชนะการประมูลในโซน 3 มาชี้แจงต่อคณะกรรมการในวันที่ 29 ส.ค.จากนั้นจะพิจารณาการยกเลิกผลการประมูลในโซนดังกล่าวต่อไป
“ แท็บเล็ตปี 2556 ชุดแรกน่าจะถึงมือนักเรียนทันเปิดภาคเรียนที่ 2 เดือนพฤศจิกายน เพราะตามสัญญากำหนดให้ต้องจัดสรรแท็บเล็ตชุดแรกภายใน 35 วันนับจากวันทำสัญญา ซึ่งกว่าจะเสร็จสัญญาและรอการจัดส่งชุดแรกน่าจะใช้เวลาประมาณ 50-60 วัน ส่วนการรับมอบนั้นให้เป็นไปตามข้อกำหนดในประกาศทีโออาร์ ที่ทั้ง 8 หน่วยงานจะเป็นผู้ตรวจรับของเอง ในส่วนของ สพฐ.เบื้องต้นรายงานว่าจะจ้างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มาดำเนินการตรวจสอบก่อนรับมอบเพราะต้องการให้ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการใช้งาน ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำเมื่อถึงขั้นตอนนั้นขอให้รอบคอบและดำเนินการอย่างรวดเร็ว” นายจาตุรนต์ กล่าว
รมว.ศึกษาฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเรียนการสอน (e-content) สำหรับแท็บเล็ต โดยมีรองเลขาธิการ กพฐ.ที่กำกับดูแลสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สพฐ.เป็นประธาน และมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก ผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) รวมทั้งหน่วยงานที่มีสถานศึกษาเป็นกรรมการ เพื่อทำหน้าทีรับผิดชอบศึกษาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการเรียนการสอนพร้อมแอปพลิเคชันที่มีอยู่ทั่วไป รวมถึงเสนอมาตรฐานในการคัดสรร และพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เหมาะสมกับการเรียนการสอน ตลอดจนจัดทำแผนส่งเสริมและพัฒนาสื่อดังกล่าว เพื่อการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบต่อไป
