โพลสำรวจการใช้ภาษาไทยในสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นเมืองกรุง กว่าครึ่งยอมรับเขียนผิดหลักภาษาประจำ โดยสาเหตุที่ไม่เขียนตามหลักภาษามากที่สุด เพราะลดความเป็นทางการ เขียนได้ง่ายกว่า สื่อสารได้เร็ว ขณะที่บางกลุ่มก็ไม่รู้หลักภาษาที่ถูกต้อง ยันการใช้ภาษาในสังคมออนไลน์ไม่กระทบต่อการใช้ภาษาไทยในการศึกษา หรือในชีวิตประจำวัน
สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตโพลล์ สถาบันศรีศักดิ์ จามรมาน วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ทำการสำรวจพฤติกรรมการเขียนข้อความภาษาไทยบนเครือข่ายสังคมออนไลน์และความคิดเห็นต่อผลกระทบกับการใช้ภาษาไทย ของกลุ่มวัยรุ่นไทยในเขตกรุงเทพมหานคร อายุระหว่าง 15-24 ปี ส่วนใหญ่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า จำนวน 1,054 คน ระหว่างวันที่ 8-14 สิงหาคม 2556 มีผลสรุปดังนี้
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60.53 ยอมรับว่า ตนเองเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องเป็นประจำ ขณะที่ร้อยละ 29.51 ระบุว่าเขียนผิดบ้าง และมีเพียงร้อยละ 9.96 ที่ระบุว่า ไม่เคยเขียนผิดเลย ส่วนของหลักภาษาที่เขียนผิดบ่อยมากที่สุด กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 45.42 ระบุว่าใช้ตัวสะกดพยัญชนะผิด เช่น อาจารย์ เป็น อาจาน หรือ ครับผม เป็น คับผม หรือ สำคัญ เป็น สำคัน ขณะที่ ร้อยละ 21.71 ระบุว่าใช้รูปสระผิด เช่น ก็ เป็น ก้อ หรือ อะไร เป็น อารัย หรือ เปิดเทอม เป็น เปิดเทิม และ ร้อยละ 17.28 ระบุว่าใช้รูปวรรณยุกต์ผิด เช่น หนู เป็น นู๋ หรือ น่ารัก เป็น หน้ารัก
ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 69.97 ระบุว่าการเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องนั้น เกิดจากความตั้งใจ ขณะที่มีเพียงประมาณหนึ่งในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 24.55 ที่ระบุว่าไม่ได้ตั้งใจ
สำหรับสาเหตุสำคัญที่กลุ่มตัวอย่างเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องสูงสุด 5 อันดับคือ ลดความเป็นทางการในการสื่อสาร คิดเป็นร้อยละ 78.29 เขียนได้ง่ายกว่าการเขียนตามหลักภาษาที่ถูกต้อง คิดเป็นร้อยละ 76.71 ช่วยให้สื่อสารได้เร็ว คิดเป็นร้อยละ 72.08 ใช้ตามผู้อื่น คิดเป็นร้อยละ 68.70 และเข้ากับยุคสมัย คิดเป็นร้อยละ 65.86 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46.47 ระบุว่า เพราะตนเองไม่ทราบหลักภาษาที่ถูกต้องในการเขียน
ส่วนผลกระทบจากการเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องกับการใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 47.53 และร้อยละ 47.15 ระบุว่าการเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องไม่ส่งผลให้การเขียนข้อความภาษาไทยทั่วไปในชีวิตประจำวันผิดมากขึ้น และไม่ส่งผลให้ความรู้ในหลักภาษาไทยที่ถูกต้องลดลง ตามลำดับ
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46.4 ระบุว่า การเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องไม่ส่งผลให้ความสามารถในการเขียนภาษาไทย เช่น การบ้าน รายงาน เรียงความ หรือ บทความ ลดลง และร้อยละ 49.62 ระบุว่า ไม่ส่งผลให้ทักษะการใช้ภาษาไทยโดยรวมในด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ลดลง เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างมากกว่าหนึ่งในสี่กลับระบุว่า การเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องจะส่งผลปานกลางถึงมากให้การเขียนข้อความภาษาไทยทั่วไปในชีวิตประจำวันผิดมากขึ้น ความรู้ในหลักภาษาไทยที่ถูกต้องลดลง ความสามารถในการเขียนภาษาไทย เช่น การบ้าน รายงาน เรียงความ หรือ บทความลดลง และ ส่งผลให้ทักษะในการใช้ภาษาไทยโดยรวมในด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ลดลง และ กลุ่มตัวอย่างถึงเกือบหนึ่งในสาม หรือคิดเป็นร้อยละ 30.55 ระบุว่า การเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องส่งผลปานกลางถึงมากให้คุณค่าของภาษาไทยลดลง
สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตโพลล์ สถาบันศรีศักดิ์ จามรมาน วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ทำการสำรวจพฤติกรรมการเขียนข้อความภาษาไทยบนเครือข่ายสังคมออนไลน์และความคิดเห็นต่อผลกระทบกับการใช้ภาษาไทย ของกลุ่มวัยรุ่นไทยในเขตกรุงเทพมหานคร อายุระหว่าง 15-24 ปี ส่วนใหญ่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า จำนวน 1,054 คน ระหว่างวันที่ 8-14 สิงหาคม 2556 มีผลสรุปดังนี้
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60.53 ยอมรับว่า ตนเองเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องเป็นประจำ ขณะที่ร้อยละ 29.51 ระบุว่าเขียนผิดบ้าง และมีเพียงร้อยละ 9.96 ที่ระบุว่า ไม่เคยเขียนผิดเลย ส่วนของหลักภาษาที่เขียนผิดบ่อยมากที่สุด กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 45.42 ระบุว่าใช้ตัวสะกดพยัญชนะผิด เช่น อาจารย์ เป็น อาจาน หรือ ครับผม เป็น คับผม หรือ สำคัญ เป็น สำคัน ขณะที่ ร้อยละ 21.71 ระบุว่าใช้รูปสระผิด เช่น ก็ เป็น ก้อ หรือ อะไร เป็น อารัย หรือ เปิดเทอม เป็น เปิดเทิม และ ร้อยละ 17.28 ระบุว่าใช้รูปวรรณยุกต์ผิด เช่น หนู เป็น นู๋ หรือ น่ารัก เป็น หน้ารัก
ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 69.97 ระบุว่าการเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องนั้น เกิดจากความตั้งใจ ขณะที่มีเพียงประมาณหนึ่งในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 24.55 ที่ระบุว่าไม่ได้ตั้งใจ
สำหรับสาเหตุสำคัญที่กลุ่มตัวอย่างเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องสูงสุด 5 อันดับคือ ลดความเป็นทางการในการสื่อสาร คิดเป็นร้อยละ 78.29 เขียนได้ง่ายกว่าการเขียนตามหลักภาษาที่ถูกต้อง คิดเป็นร้อยละ 76.71 ช่วยให้สื่อสารได้เร็ว คิดเป็นร้อยละ 72.08 ใช้ตามผู้อื่น คิดเป็นร้อยละ 68.70 และเข้ากับยุคสมัย คิดเป็นร้อยละ 65.86 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46.47 ระบุว่า เพราะตนเองไม่ทราบหลักภาษาที่ถูกต้องในการเขียน
ส่วนผลกระทบจากการเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องกับการใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 47.53 และร้อยละ 47.15 ระบุว่าการเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องไม่ส่งผลให้การเขียนข้อความภาษาไทยทั่วไปในชีวิตประจำวันผิดมากขึ้น และไม่ส่งผลให้ความรู้ในหลักภาษาไทยที่ถูกต้องลดลง ตามลำดับ
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46.4 ระบุว่า การเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องไม่ส่งผลให้ความสามารถในการเขียนภาษาไทย เช่น การบ้าน รายงาน เรียงความ หรือ บทความ ลดลง และร้อยละ 49.62 ระบุว่า ไม่ส่งผลให้ทักษะการใช้ภาษาไทยโดยรวมในด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ลดลง เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างมากกว่าหนึ่งในสี่กลับระบุว่า การเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องจะส่งผลปานกลางถึงมากให้การเขียนข้อความภาษาไทยทั่วไปในชีวิตประจำวันผิดมากขึ้น ความรู้ในหลักภาษาไทยที่ถูกต้องลดลง ความสามารถในการเขียนภาษาไทย เช่น การบ้าน รายงาน เรียงความ หรือ บทความลดลง และ ส่งผลให้ทักษะในการใช้ภาษาไทยโดยรวมในด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ลดลง และ กลุ่มตัวอย่างถึงเกือบหนึ่งในสาม หรือคิดเป็นร้อยละ 30.55 ระบุว่า การเขียนข้อความภาษาไทยบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดไปจากหลักภาษาที่ถูกต้องส่งผลปานกลางถึงมากให้คุณค่าของภาษาไทยลดลง