คงไม่เกินเลยความจริง ถ้าจะบอกว่า ชายไทยจำนวนไม่น้อย ต่างรู้สึกมีปมด้อยใน “ขนาดน้องชาย” ของตัวเอง และที่มันเลวร้ายยิ่งไปกว่าก็คือว่า มีหลายคนที่ไปหาทางออกด้วยวิธีการที่เสี่ยงอันตราย ด้วยการ “ฉีดน้องชาย” ให้กลายเป็นพี่เบิ้ม แต่ก็อย่างที่เราเห็นในข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่า มีแต่เสียกับเสีย เพราะถึงแม้จะใหญ่ขึ้นจริง แต่ผลข้างเคียงที่ตามมานั้น ทำให้ต้องเสียใจไปทั้งชีวิต
ศ.นพ.ณรงค์ นิ่มสกุล นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมเลเซอร์ทางการแพทย์นานาชาติ กล่าวถึงต้นตอที่มาของสาเหตุแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจในขนาดอันเล็กจิ๋วของจู๋ไทยหลายคนว่า ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะวิธีการ “ขริบ” ซึ่งบ้านเรายังไม่มีการตระหนักรู้เท่าที่ควรจะเป็น
“จริงๆ ตอนเกิดมา เราก็มีขนาดที่ใหญ่เท่าๆ กับพวกฝรั่งมังค่าเหมือนกัน ส่วนใหญ่เด็กแรกคลอดก็จะหนักประมาณ 3 กิโลกรัม แต่ว่าทำไมผู้ชายไทยส่วนใหญ่ จู๋ไม่ค่อยใหญ่เหมือนพวกฝรั่ง ก็เพราะว่าเราไม่เข้าใจ หนึ่งอย่างนั้นก็คือไม่มีการขริบหนังที่หุ้มปลาย พวกฝรั่งเขาจะทำการขริบตั้งแต่วันแรกที่คลอดมา แต่เราไม่ได้ทำอย่างนั้นก็เลยทำให้กลายเป็นจู๋เล็กโดยใช่เหตุ”
ศ.นพ.ณรงค์ ขยายความเพิ่มเติมว่า การขริบมีผลทำให้ “น้องชาย” ขยายใหญ่โต และเจริญเติบโตเต็มที่ เพราะว่าโครงสร้างของอวัยวะเพศเป็นฟองน้ำ ซึ่งถ้าเรานำไปแช่น้ำ ยิ่งแช่นาน มันก็ยิ่งขยายตัว
“หน้าที่ของจู๋มีสองอย่างคือ ใช้ปัสสาวะและประกอบกิจทางเพศ เพียงแต่ว่าถ้าใช้ฉี่อย่างเดียว แป๊บเดียวมันก็หดลงแล้ว คือถ้าเราใช้เพื่อเพศสัมพันธ์ ด้วยเวลาที่นานขึ้น แทนที่จะมีการหลั่งภายในระยะเวลาไม่เกินสองสามนาที จะทำให้จู๋มีการใช้งานมากขึ้น และเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงส่วนนั้นก็จะมีผลทำให้อวัยวะใหญ่หรือแข็งแรงขึ้นได้ แต่ถ้าหลั่งไม่เกินห้านาที ผู้หญิงไม่มีทางได้เกิดความสุขหรอก ดังนั้น พวกฝรั่งเขาจะใช้เวลา 10 นาที 15 นาที หรือบางทีเป็นครึ่งชั่วโมงเลย เพราะว่ามันแข็งแรง ดังนั้น จู๋ที่ไม่ได้รับการขริบก็มักจะหลั่งไว เราก็เลยได้ใช้งานน้อย มันก็เลยทำให้ไม่โตเท่าที่ควร”
เมื่อไม่โตไม่ใหญ่อย่างที่ใจต้องการ หลายคนก็ไปสรรหาวิธีแตกต่างกันไป หนึ่งก็คือไปฉีดสารเข้าเจ้าโลกด้วยหวังว่ามันจะใหญ่ขึ้น ซึ่งสำหรับแพทย์แล้ว นั่นคือวิธีการที่อันตรายและไม่มีผลดีแต่อย่างใด
“วิธีพื้นฐานก็อย่างที่บอก ขริบหนังหุ้มปลายตั้งแต่วันแรกที่คลอด ถ้าไปประเทศอียิปต์ จะมีพีระมิดใหญ่ ที่ผนังก็จะมีการสลักภาพไว้ ซึ่งจะมีภาพของผู้ชายที่ต้องมีการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ก่อนจะแต่งงาน นั่นก็หมายความว่า ห้าพันกว่าปีมาแล้ว ชาวอียิปต์เขารู้ว่า การจะทำให้ชีวิตคู่ไม่มีปัญหา ก็ต้องขริบหนังหุ้มปลายก่อน”
ศ.นพ.ณรงค์ กล่าวเพิ่มอีกว่า “จู๋เป็นอวัยวะที่ไม่หยุดเจริญเติบโต ไม่ว่าจะอายุ 30 หรือ 40 ก็ตาม ถ้ามีการใช้งานหรือใช้ในเวลาที่นานขึ้น มันจะมีการขยายตัวด้วยตัวของมันเอง อย่าไปคิดว่าตอนนี้อายุ 40 แล้ว คงหมดหวังแล้ว ไม่ใช่ เพราะเรายังมีชีวิตอยู่อีกนาน เพราะฉะนั้น สิ่งที่ถูกต้องก็คือ ขริบหนังหุ้มปลายให้เป็นเรื่องเป็นราว โดยทั่วไป ขริบแล้ว นอกจากจะทำให้หลั่งช้าลง 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะการที่เราเปิดหนังหุ้มแล้ว หัวก็จะออกมาตลอดเวลา จะเกิดการเสียดสีตลอดเวลา และจะทำให้มีการต้านทานที่ดีขึ้น คือไม่ไวเกินความจำเป็น และเมื่อมีเพศสัมพันธ์ มันก็จะนานขึ้นด้วย ลดปัญหาการหลั่งเร็ว แต่ถ้าใครขริบแล้วหลั่งเร็ว ก็อาจจะเกิดมาจากปัญหาเกี่ยวท่อปัสสาวะมากกว่า” ศ.นพ.ณรงค์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูล : รายการ “Health Line สายตรงสุขภาพ” รายการที่สร้างภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00-8.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ www.manager.co.th/vdo