กทม.เตรียมความพร้อมรับมือน้ำฝน กำชับเจ้าหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะเขตรอยต่อ
วันนี้ (8 ส.ค.) นายสัญญา ชีนิมิตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการประชุมเตรียมความพร้อมและจัดการน้ำ ว่าในการดำเนินการ ทางสำนักระบายน้ำได้มีการประสานงานไปยัง 50 เขต ให้ดำเนินการขุดลอกคูคลอง เพื่อเป็นการเปิดทางน้ำไหล พร้อมทั้งได้เตรียมความพร้อมของหน่วย BES (Bangkok emergency service) และตั้งเครื่องสูบน้ำตามจุดอ่อนต่างๆ หากมีฝนตกลงมาในปริมาณที่มากก็จะสามารถสูบน้ำออกได้ทันที ทั้งนี้ กทม.ได้มีการตั้งศูนย์ร้องเรียนน้ำท่วมตลอด 24 ชม.ไว้บริการประชาชน
นายสัญญา กล่าวว่า ด้วยความที่ กทม.เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำจึงทำให้เกิดน้ำท่วมขังอย่างรวดเร็ว ทำให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่ค่อนข้างลำบาก เพราะฉะนั้นระบบการจัดการจะต้องสมบูรณ์แบบ เพื่อจะได้ระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ตนเป็นห่วงการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนหากมีน้ำท่วมขังก็จะทำให้รถติดมากยิ่งขึ้น ทาง กทม.จึงได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่เทศกิจออกไปอำนวยความสะดวกและตรวจดูตามจุดต่างๆ ที่มีการจราจรหนาแน่นสำหรับบริเวณเขื่อนฟันหลอ ขณะนี้ได้ดำเนินก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำไปแล้วเหลือเพียงบางส่วนที่ต้องมีการเจรจากับชาวบ้านและมีบางจุดที่ผู้รับเหมาทำงานล่าช้า ซึ่งทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการให้ยกเลิกสัญญาจ้างและให้ผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาดูแลงานแทน
นายสัญญา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเรื่องการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ เขตบางซื่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างการอนุมัติขอเวลาขยายโครงการ หากอนุมัติจะเริ่มดำเนินการได้ทันที ซึ่งงบประมาณในการก่อสร้างกทม.ได้รับจากทางรัฐบาล 1,250 ล้านบาท อย่างไรก็ตามศักยภาพในการระบายน้ำของ กทม.สามารถรองรับน้ำฝนได้ 60 มิลลิเมตร แต่หากปริมาณน้ำฝนเกิน 60 มิลลิเมตร หรือมีพายุฝนก็จะต้องใช้เวลาในการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น 1-2 ชั่วโมง ทั้งนี้ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในการระบายน้ำทั้ง 6 โซน เช่น เขตสายไหม สะพานสูง บางรัก ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีความเป็นห่วงโดยเฉพาะบริเวณรอยต่อระหว่างเขตที่มีประชาชนร้องเรียนบ่อยครั้งว่าดูแลไม่ทั่วถึง ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (8 ส.ค.) นายสัญญา ชีนิมิตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการประชุมเตรียมความพร้อมและจัดการน้ำ ว่าในการดำเนินการ ทางสำนักระบายน้ำได้มีการประสานงานไปยัง 50 เขต ให้ดำเนินการขุดลอกคูคลอง เพื่อเป็นการเปิดทางน้ำไหล พร้อมทั้งได้เตรียมความพร้อมของหน่วย BES (Bangkok emergency service) และตั้งเครื่องสูบน้ำตามจุดอ่อนต่างๆ หากมีฝนตกลงมาในปริมาณที่มากก็จะสามารถสูบน้ำออกได้ทันที ทั้งนี้ กทม.ได้มีการตั้งศูนย์ร้องเรียนน้ำท่วมตลอด 24 ชม.ไว้บริการประชาชน
นายสัญญา กล่าวว่า ด้วยความที่ กทม.เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำจึงทำให้เกิดน้ำท่วมขังอย่างรวดเร็ว ทำให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่ค่อนข้างลำบาก เพราะฉะนั้นระบบการจัดการจะต้องสมบูรณ์แบบ เพื่อจะได้ระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ตนเป็นห่วงการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนหากมีน้ำท่วมขังก็จะทำให้รถติดมากยิ่งขึ้น ทาง กทม.จึงได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่เทศกิจออกไปอำนวยความสะดวกและตรวจดูตามจุดต่างๆ ที่มีการจราจรหนาแน่นสำหรับบริเวณเขื่อนฟันหลอ ขณะนี้ได้ดำเนินก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำไปแล้วเหลือเพียงบางส่วนที่ต้องมีการเจรจากับชาวบ้านและมีบางจุดที่ผู้รับเหมาทำงานล่าช้า ซึ่งทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการให้ยกเลิกสัญญาจ้างและให้ผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาดูแลงานแทน
นายสัญญา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเรื่องการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ เขตบางซื่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างการอนุมัติขอเวลาขยายโครงการ หากอนุมัติจะเริ่มดำเนินการได้ทันที ซึ่งงบประมาณในการก่อสร้างกทม.ได้รับจากทางรัฐบาล 1,250 ล้านบาท อย่างไรก็ตามศักยภาพในการระบายน้ำของ กทม.สามารถรองรับน้ำฝนได้ 60 มิลลิเมตร แต่หากปริมาณน้ำฝนเกิน 60 มิลลิเมตร หรือมีพายุฝนก็จะต้องใช้เวลาในการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น 1-2 ชั่วโมง ทั้งนี้ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในการระบายน้ำทั้ง 6 โซน เช่น เขตสายไหม สะพานสูง บางรัก ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีความเป็นห่วงโดยเฉพาะบริเวณรอยต่อระหว่างเขตที่มีประชาชนร้องเรียนบ่อยครั้งว่าดูแลไม่ทั่วถึง ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด